+++การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธาน กมธ. โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (คศช.) ธนาคารแห่งประเทศ กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เข้าชี้แจง มีรายงานว่า พล.อ.ฉัตรชัย ได้ฝากข้อสังเกตต่อที่ประชุมว่าขอให้ กมธ.ร่วมกันพิจารณาปรับลดในรายละเอียด เช่น โครงการฝึกอบรม การจัดสัมมนา การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ ให้เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณกำหนด และให้พิจารณาตามความเหมาะสมและจำเป็นหากมีความซ้ำซ้อนก็ขอให้ปรับลดงบประมาณ โดยเฉพาะการเดินทางไปต่างประเทศของหน่วยงานราชการ ต้องเป็นพันธะผูกพันเท่านั้น เพื่อป้องกันงบประมาณสูญเปล่า ส่วนงบลงทุน ที่ดินสิ่งปลูกสร้าง ขอให้มีราคามาตรฐานและเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันโดยเปรียบเทียบการใช้งบกับโครงการของหน่วยงานอื่นๆ ประกอบไปด้วย และหากมีงบประมาณคงเหลือจากปี 2557 ให้นำส่วนนั้นมาตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายในปี 2558
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอให้ทุกส่วนงานใน คสช. ตรวจสอบการใช้งบประมาณทุก 3 เดือน รวมทั้งติดตามรายงานผลการปฏิบัติตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เกิดการใช่จ่ายและลงทุนอย่างรวดเร็วและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ให้เร่งใช้งบตามแผนที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพ หากจะมีการเปลี่ยนแปลงงบในส่วนใด ขอให้อยู่ในกลุ่มงานเดียวกันไม่ให้โยกงบข้ามประเภท
+++สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สัมมนาแนวทางการปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐตามหลักเกณฑ์การเปิดเผยราคากลาง ที่สำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ
+++นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง นำสื่อมวลชนเยี่ยมชมงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และอุโมงค์ลอดแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งแรกของประเทศไทย(สัญญาที่ 2 ช่วงสนามไชย-ท่าพระ)
+++ธนาคารซิตี้แบงก์ แถลงทิศทางเศรษฐกิจครึ่งหลังปี 2557 และการลงทุนระดับโลกและภูมิภาคเอเชีย
+++สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เรื่องดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนก.ค. ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยายนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ นอกจากนี้มีการแถลงเรื่องการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี โดยสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม อุตสาหกรรมการผลิต ส.อ.ท.
+++ความคืบหน้ากรณีคนไทย 3 คน ก่อเหตุขับรถรถยนต์พุ่งชนนักเรียนชาวญี่ปุ่น 2 คน ที่เมืองโชชิ ในจังหวัดชิบะของญี่ปุ่น เมื่อค่ำวันที่ 14 ส.ค. ทำให้นักเรียนชายเสียชีวิต 1 คน และเด็กหญิงได้รับบาดเจ็บสาหัส นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของนักเรียนญี่ปุ่นผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ส่วนเรื่องของคดี กระทรวงการต่างประเทศได้ให้เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโตเกียวเข้าไปดูแล ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงของคดี แต่คนไทยทั้ง 3 คน ขอที่จะไม่เปิดเผยรายละเอียด รวมทั้งกฎหมายญี่ปุ่นก็เคารพสิทธิส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม สถานทูตไทยจะติดตามความคืบหน้าของคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทั้ง 3 คนไทย ได้รับความเป็นธรรม ยืนยันกรณีที่เกิดขึ้นไม่กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นและไม่มีผลต่อการเว้นวีซ่าเข้าญี่ปุ่นด้วย
+++ขยายผลจับเพิ่มหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับพ.ต.ท.ชำนาญ พุ่มไพจิตร รอง ผกก.ป.สภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ นายตำรวจมือปราบยา เสพติดชื่อดังที่หลงผิดหันมาค้ายาบ้า-ไอซ์และ นายป๊อก ไทยใหญ่ อายุ 32 ปี ชาว จ.ตองกี่ พม่า
พร้อมของกลางยาบ้า 8 แสนเม็ด และยาไอซ์ 1 กก. มูลค่า 164 ล้านบาท พร้อมยึดตู้เซฟของ พ.ต.ท.ชำนาญ ภายในเซฟบรรจุทองคำแท่ง ๆ ละ 10 บาท 15 แท่ง รวมน้ำหนัก 150 บาท นอกจากนี้ ตำรวจยังได้นำตัว น.ส.เหมย ศรีนทรีทันดร อายุ 30 ปี ชาว จ.เชียงราย ภรรยาใหม่ของ พ.ต.ท. ชำนาญ มาสอบสวนด้วยว่ามีส่วนพัวพันในการขนยาเสพติดครั้งนี้หรือไม่ นอกจากให้
พ.ต.ท.ชำนาญ ออกจากราชการไว้แล้ว มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.ธวัชชัย เทพบุญ ผกก.สภ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 อย่างไม่มีกำหนด พร้อมกับตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยว่ายังมีผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดครั้งนี้อีกหรือไม่ คาดว่ายังมีอีก 2-3 คน ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน มั่นใจว่าจะสามารถออกหมายจับได้เร็ว ๆ นี้
+++การดำเนินคดีกับนายพิพัฒน์ ลาภปรารถนา ประธานสภากรุงเทพมหานคร. และ ส.ก.เขตบางรัก และนายประเสริฐ พรมมิ เลขานุการมูลนิธิประชาอุปถัมภ์บางรัก ผู้ต้องหาที่ 1-2 ในคดีร่วมกันเป็นอั้งยี่ และข้อหาอื่น ๆ รวม 4 ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 , 209 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง,309 และ 337 จากกรณีเรียก เก็บค่าคุ้มครองจากกลุ่มผู้ค้าที่บริเวณหน้าวัดหัวลำโพง เจ้าหน้าที่คุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 19 - 30 ส.ค. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องรอสอบปากคำพยานอีกหลายปาก และรอผลพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติ โดยศาลอาญากรุงเทพใต้
พิจารณาคำร้อง และสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังได้ ขณะเดียวกันทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 3 แสนบาทขอให้ศาลปล่อยตัวชั่วคราว ต่อมาศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ ตีราคาประกันคนละ 3 แสนบาท
+++มาตรการป้องกันโจรบนรถไฟนายทนงศักดิ์ พงษ์ประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นายวัลลภ เปลี่ยนเฉย สารวัตรเดินรถนครราชสีมา ร่วมกับพนักงานปูเตียง จับนายพิพัฒน์ ตะโคดม อายุ 18 ปี อยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ สารภาพเคยก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง โดยคนร้ายปีนหลังคารถไฟเข้ามาประสงค์ลักทรัพย์ในตู้โดยสารบนขบวนรถด่วนที่ 68 (อุบลราชธานี – กรุงเทพ) ช่วงระหว่างสถานีสีคิ้ว – ปากช่อง คนร้ายปีนขึ้นบนหลังคารถไฟแล้วกรีดยางขอบประตูงัดกลอนเข้ามาในรถโบกี้นอนปรับอากาศ คันที่ 7 ทำให้การรถไฟอาจติดตั้ง CCTV จะทดสอบการรองรับการสั่นสะเทือนของตัวรถขณะวิ่ง
+++วันนี้ กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 ประชุมติดตามความคืบหน้าหลังจากที่เมื่อวันจันทร์ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากพ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น นายมิตซูโตกิ ชิเกะตะ นำดีเอ็นเอของนายชิเกตะ มามอบให้พนักงานสอบสวนสน.ลาดพร้าว พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 กล่าวว่า ได้ส่งตัวอย่างดีเอ็นเอให้กับเจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อตรวจเปรียบเทียบแล้ว พ.ต.อ.วาที อัศวุตมางกุร นักวิทยาศาสตร์ (สบ 4) ด้านดีเอ็นเอกล่าวว่า จะนำดีเอ็นเอของนายชิเกตะที่ได้มาไปตรวจสอบเปรียบเทียบกับเด็กทั้ง 9 คน ซึ่งผลของการตรวจดีเอ็นเอของเด็กทั้ง 9 คนนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บไว้ล่วงหน้าแล้ว และผลของการตรวจสอบเปรียบเทียบระหว่างนายชิเกตะ และเด็กทั้ง 9 คน จะทราบผลในบ่ายของวันนี้ ว่าจะมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ขณะที่ พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วย ผบ.ตร ประชุมเร่งรัดสำนวนคดีอุ้มบุญ ที่สตช. ด้วย
+++ตำรวจนครบาล วางมาตรการคุมเข้มปราบปรามจับกุมการแข่งรถจักรยานยนต์ในทางสาธารณะอย่างจริงจังเด็ดขาดพล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 และ พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.ลาดพร้าว ออกโรงปัดฝุ่นมาตรการเด็ดขาดงัดกฎเหล็กที่เคยใช้ปราบเด็กแว้นในพื้นที่ได้ผลมาแล้วช่วง 2 ปี ดำเนินการใหม่อย่างเข้มข้น ทั้งมาตรการป้องปรามและปราบปรามจับกุมจริงจัง โดยเริ่มติดป้ายประชาสัมพันธ์และข้อความตัววิ่งให้ประชาชนในพื้นที่ตื่นตัวอย่างทั่วถึง โดยมุ่งหวังให้ประชาชน บิดามารดา ดูแลอบรมเด็กและเยาวชนในปกครองไม่ให้นำรถจักรยานยนต์มาขับขี่เพื่อการแข่งขัน หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการแข่งขัน เช่นข้อความ "น้องซิ่งมา...พี่จ่าจัดเต็ม"