หลังตำรวจสามารถควบคุมตัวนางสาววรรณา หรือไมซาเราะ สวนสัน อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดพังงา ภรรยาของนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู ชาวตุรกี ผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดห้องพักให้ผู้ก่อเหตุระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 ช่วงเย็นวันนี้เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวนางสาววรรณาได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เดินทางมาพร้อมกับลูกชาย 2 คน คนแรกอายุ 3 ขวบ คนที่สอง อายุ 1 ขวบ ก่อนจะนำตัวมาตรวจร่างกายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีนายอิบรอเหม คมขำ ผู้ใหญ่บ้าน และครอบครัวมารอรับ
พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ดูแลงานฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย และทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่การสงครามที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครอง, พาอาวุธ (วัตถุระเบิด)ไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร, ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามหมายจับศาลทหารกรุงเทพ เลขที่ 84/2558 ลงวันที่ 25 กันยายน 2558 กับนางสาววรรณา และคืนนี้ทางตำรวจจะนำตัวไปฝากขังที่ สน. ลุมพินี ก่อนจะฝากขังที่ศาลทหารพรุ่งนี้ เวลา 08.00 น.
สำหรับการจับกุมครั้งนี้ไม่ใช่การส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่เป็นการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ เมื่อสืบทราบว่าจะเดินทางกลับประเทศไทย ส่วนเรื่องการประสานงานกับทางตุรกีตนไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศและเป็นเรื่องของอัยการสูงสุด ส่วนครั้งนี้นางสาววรรณาเดินทางมาจากประเทศใดตนไม่ทราบ คดีนี้สรุปสำนวนส่งอัยการศาลทหารไปนานแล้ว กระบวนการหลังจากนี้ตำรวจจะส่งตัวนางสาววรรณาให้อัยการศาลทหารเพื่อควบคุมตัวตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ตอนนี้ยังไม่สอบปากคำ จึงไม่ทราบว่านางสาววรรณาให้การอย่างไร ทุกอย่างอยู่ในสำนวน อยู่ที่ศาลทหารแล้วไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ส่วนผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอีก 14 คน เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งรัดติดตามต่อไป
นายอิบรอเหม คมขำ ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า รู้จัก นางสาววรรณา มาตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กที่โตมาในชนบท กรีดยางมาตั้งแต่เด็ก จนมาทราบว่ามีสามีเป็นชาวตุรกี มาแต่งงานกันที่บ้าน โดยตนเจอสามีนางสาววรรณาครั้งแรกตอนมาแต่งงาน มีเพื่อนต่างชาติมาร่วมงานด้วย แต่ไม่ทราบว่าเป็นคนที่อยู่ในหมายจับหรือไม่ ทราบแต่ว่า สามีนางสาววรรณาพูดภาษาไทยไม่ได้ ทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ โดยเจอครั้งล่าสุดตอนที่นางสาววรรณาและสามีเดินทางกลับจากกรุงเทพ ประมาณเดือนพฤษภาคม 2558 เพื่อทำเอกสารเดินทางออกนอกประเทศไปตุรกีและเดินทางออกไปเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2558 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต
หลังเกิดเหตุ นางสาววรรณาถูกออกหมายจับ โดยตัวอยู่ที่ตุรกี ทราบว่ามีการติดต่อพูดคุยกับทางบ้านที่พังงาโดยตลอด เพื่อขอให้ช่วยเหลือ โดยนางสาววรรณา ยืนยันว่าไม่ได้ทำผิด ทางบ้านก็พยายามเดินเรื่องช่วยเหลือให้เดินทางกลับไทย มีการยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือไปถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อประสานงาน เดินเรื่องให้กลับมาประเทศไทย โดยคุยกันว่าเราคนไทย ถึงอย่างไรก็ให้กลับมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยวันนี้ก็มีตำรวจมาประสานงาน ดำเนินการเพื่อให้นางสาววรรณาได้มอบตัวตามความตั้งใจของเจ้าตัว
ด้านนางเอมอร สวนสัน อายุ 40 ปีพี่สะใภ้ของนางสาววรรณา เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวดีใจที่นางสาววรรณาเดินทางกลับประเทศไทย จึงเดินทางมาจากจังหวัดพังงาเพื่อมารอรับ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อปี 2558 การกลับมาครั้งนี้เป็นความตั้งใจของนางสาววรรณาเพื่อมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง เพราะยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด โดยนับตั้งแต่เกิดเหตุและถูกออกหมายจับ ตนได้ติดต่อกับนางวรรณาซึ่งอยู่ที่ประเทศตุรกีมาโดยตลอด นางสาววรรณาตั้งใจจะกลับประเทศไทยเพื่อมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ระหว่างนั้นถูกควบคุมตัวไว้ถูกกักบริเวณในสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งตนไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นที่ใดในประเทศตุรกี โดยถูกจับตัวไว้พร้อมสามีตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อปี 2558 กระทั่งล่าสุดได้เดินทางกลับมาในประเทศไทยในวันนี้ นางสาววรรณา บอกว่าจะเดินทางออกจากตุรกีเวลา 02:00 น. ของเมื่อคืนที่ผ่านมา และจะถึงประเทศไทยเวลา 18:00 น. ของวันนี้แต่มีการเปลี่ยนแปลงไฟลท์ทำให้มาถึงตั้งแต่เวลา 15:00 น. ครอบครัวรู้สึกดีใจมากที่ได้เจอน้องและได้พบหลานอีก 2 คน ขณะที่ น.ส. วรรณา ยอมรับว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งสิ้น