หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณี นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิต หลังเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเพียง 1 วัน และชันสูตรพบอวัยวะภายในหายไป นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้เกิดตั้งแต่เดือนตุลาคมแล้ว โดยขั้นตอนล่าสุดเท่าที่ได้สอบถามพบว่า ได้มีการนำปอด และหัวใจ ไปตรวจ หลังจากนั้นผู้ปกครอง ได้นำไปตรวจใหม่ซึ่งไม่พบอวัยวะดังกล่าว แต่ยังไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด จึงขอให้ตรวจสอบกันอีกครั้ง ซึ่งตนเองไม่ได้ขัดอะไร และเท่าที่ทราบล่าสุดพบสาเหตุการเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจฉับพลัน โดยนายกรัฐมนตรี ได้แสดงเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต เพราะนักเรียนเตรียมทหารที่เข้ามาก็เป็นรุ่นน้อง รุ่นหลานของตนเอง พร้อมระบุว่าแปลกใจเพราะคนที่เข้ามาในโรงเรียนได้น่าจะมีร่างกายแข็งแรง แต่ก็ทราบมาว่าผู้เสียชีวิตมีอาการป่วยบ่อยครั้ง จึงต้องไปตรวจสอบประวัติการรักษาพยาบาล และตรวจสอบสาเหตุข้อเท็จจริงต่อไป พร้อมย้ำว่าไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ถ้ามีการตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นการเสียชีวิตผิดธรรมชาติต้องลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับคำถาม 6 ข้อ ที่ใช้ถามประชาชน นายกรัฐมนตรีกล่าวา ตั้งคำถามเพื่อรับฟังประชาชน เพื่อนำมาบริหารแผ่นดิน และยืนยันว่าไม่มีข้าราชการบังคับประชาชนมาได้ เพราะเป็นเรื่องความสมัครใจ จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับตนเองด้วย ส่วน 4 คำถามที่ตนเองเคยถามประชาชนไปนั้น พบว่า มีประชาชนมาตอบกว่าล้านคน ซึ่งคนที่เคยตอบก็สามารถเข้ามาตอบคำถาม 6 ข้อต่อได้ ทั้งนี้กำลังให้กระทรวงมหาดไทย แยกกลุ่มอาชีพ และกลุ่มคน เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากการทำโพลที่ซุ่มตัวอย่างคน โดย 4 คำถามแรก ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ปฏิรูปประเทศ ซึ่งเรื่องก็มีแค่ 2 อย่างคือ ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง เลือกตั้งก่อนปฏิรูป หรือ ปฏิรูปพร้อมกับการเลือกตั้ง สำหรับการตั้งคำถามชุดที่ 2 นั้นเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องกับชุดแรก และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทั้งคนที่เห็นด้วยและเห็นต่าง ส่วนจะมีช่องทางให้ประชาชนเข้ามาตอบทางโซเชี่ยลเพิ่มเติมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ช่องทางดังกล่าวพบว่ามีการบิดเบือนกันเป็นจำนวนมาก และใช้คำพูดหยาบคาย จึงขออย่านำไปเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้ง เพราะตนเองไม่ได้ต้องการนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง ว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ พราะการเลือกตั้งอยู่ที่ประชาชน และยืนยันตนเองกำหนดอะไรไม่ได้