หลังสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ "เอเอฟซี" กำลังจับตาสถานการณ์ของการแข่งขันฟุตบอลทุกรายการของประเทศไทยที่ได้รับการรับรองจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายใต้การดูแลของ "เอเอฟซี" ที่อาจพัวพันกับการล้มบอลด้วยวิธีการล็อกสกอร์ล่วงหน้า จนภายหลังสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องกับ “ขบวนการล้มบอล” เอาไว้ได้ 12 คน
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมคณะนายตำรวจ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับการจับกุมขบวนการล้มบอลดังกล่าว โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกันสืบสวนการทุจริตในวงการฟุตบอลไทยมาเป็นเวลานานพอสมควร ทำให้ทราบว่ามีขบวนการล้มบอลอยู่จริง และถือว่าเป็นคดีประวัติศาสตร์ โดยสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องไว้ได้ทั้งหมด 12 คน ส่วนที่ว่าจะขยายผลไปยังใครอีกนั้นยังไม่ขอเปิดเผย เพราะเป็นขบวนใหญ่พอสมควร เชื่อมโยงกันทั้งประเทศ
ด้านพล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตามคำบอกเล่าของผู้ตัดสิน มีผู้บริหารในอดีตใช้อำนาจหน้าที่ข่มขู่ ขู่เข็ญ หากใครไม่ทำหน้าที่ก็จะให้แบนไปตามเวลา ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่ได้พูดลอย ๆ โดยตำรวจบันทึกถ้อยคำเอาไว้ทั้งหมดส่วนที่ว่าจะดำเนินคดีได้หรือไม่นั้นต้องดูต่อไป การล็อกผลฟุตบอลนั้นมีมายาวนานแล้ว ทั้งหมดก็เพื่อผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ส่วนที่ว่าตำรวจจับกุมแล้วนำมาเปิดเผยทำให้ตัวการใหญ่หรือบุคคลเกี่ยวข้องไหวตัวทันนั้น ตนมองว่าตอนนี้จับได้แค่ไหนให้เอาแค่นั้น การดำเนินการทางกฎหมายก็ต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งคนที่มีข่ายต้องสงสัยได้เชิญตัวมาสอบปากคำแล้ว
สำหรับ การแก้ปัญหาครั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศ ยอมรับว่า เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าซึ่งไม่เคยมีการคิดทำในอดีต เหมือนเป็นโรคร้ายต้องผ่าตัดเพื่อรักษาชีวิตให้ยืนยาว ต่อไปเราจะมีการอบรมหลักสูตรทั้งปฏิบัติ ทฤษฎี และจริยธรรม เป็นวิชาชีพที่เที่ยงธรรม แต่ทุกอย่างยังขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของผู้ที่เกี่ยวข้อง บางครั้งค่าเงินที่มาก ๆ ก็สามารถทำให้คนใจอ่อนได้ ถ้าวันนี้เราไม่ดำเนินคดี กฎหมายเอื้อมมือไม่ถึง เราคงต้องถึงวันล่มสลายในวงการฟุตบอลเป็นแน่