ปธน.มูกาเบ ถูกคุมตัวในบ้านพักหลังกองทัพซิมบับเว ยึดอำนาจ/รมว.ต่างประเทศสหรัฐ เชื่อมาตรคว่ำบาตรแก้ปัญหาโรฮิงญาไม่ได้/แผ่นดินไหวเกาหลีใต้

ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.

+++บีบีซี รายงานอ้างทำเนียบประธานาธิบดียาคอบ ซูมาของแอฟริกาใต้ว่ากองทัพซิมบับเวสั่งให้มีการควบคุมตัวประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ ผู้นำวัย 93 ปีของซิมบับเวไว้ในบ้านพักของเขาในกรุงฮาราเร โดยนายมูกาเบได้โทรศัพท์ไปบอกกับประธานาธิบดีซูมาว่าเขาถูกกักอยู่ในบ้านพัก แต่ยังสุขสบายดี ขณะเดียวกันกองทัพอยู่ระหว่างการส่งกำลังทหารไปลาดตระเวนเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยตามสถานที่สำคัญๆในเมืองหลวง หลังเข้ายึดสถานีโทรทัศน์แห่งชาติเมื่อเช้ามืดวานนี้ พล.ต.ซีบูซิโซ โมโย โฆษกกองทัพซิมบับเว อ่านแถลงการณ์ระบุว่ากองทัพมุ่งจะปราบปรามกลุ่มอาชญากร โดยเฉพาะกลุ่มคนใกล้ชิดของประธานาธิบดีมูกาเบ ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาความเดือดร้อนทางสังคมและเศรษฐกิจให้กับประชาชนทั่วประเทศในขณะนี้ ปฏิเสธว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงฮาราเรในวันนี้ไม่ใช่การรัฐประหาร พร้อมยืนยันว่าประธานาธิบดีมูกาเบและครอบครัวได้รับการดูแลความปลอดภัยอย่างดี

+++ความเคลื่อนไหวของกองทัพครั้งนี้ถูกหลายฝ่ายมองว่าเป็นความพยายามที่จะปลดนายมูกาเบ และแต่งตั้งนายเอมเมอร์สัน เอ็มนังกากวา ที่เพิ่งถูกนายมูกาเบปลดจากตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ให้เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทน โดยก่อนหน้านี้นายมูกาเบ สั่งปลดนายเอ็มนังกากวา เพื่อเปิดทางให้ภริยาของนายมูกาเบคือนางเกรซ ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่เมื่อเขาลงจากอำนาจ ด้านรัฐบาลสหรัฐฯและสหราชอาณาจักรเตือนพลเมืองของพวกเขาในกรุงฮาราเรให้อยู่ในบ้านเรือนหรือโรงแรมที่พักเพื่อความปลอดภัยจนกว่าสถานการณ์จะมีความชัดเจนมากกว่านี้

+++นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนกรุงเนย์ปีดอว์ เมียนมา กล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับนางอองซาน ซูจี ผู้นำสูงสุดของเมียนมาว่า เขาจะไม่ผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐฯลงมติคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อประเทศเมียนมา กรณีล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาวิกฤติเกี่ยวกับชาวมุสลิมโรฮิงญา เพราะไม่ใช่ว่าสหรัฐฯคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเมียนมาแล้ว ปัญหานี้จะได้รับการแก้ไขให้หมดไปทันที แต่เขาแสดงความกังวลเรื่องสถานการณ์ในเมียนมา เสนอแนะให้รัฐบาลเมียนมาตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อสอบสวนข้อครหาต่างๆที่ระบุว่า กองทัพเมียนมาได้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญา กรณีการหายตัวไปของชาวโรฮิงญาจากค่ายอพยพ การฆาตกรรม การข่มขืน การจุดไฟเผาบ้านเรือนของชาวโรฮิงญาจริงหรือไม่

+++ด้านนางซูจี ตอบข้อซักถามจากนักข่าวในเรื่องกระแสวิจารณ์ที่ว่าเธอนิ่งเงียบในเรื่องนี้มาตลอด ปฏิเสธว่าเธอไม่ได้นิ่งเงียบและไม่ให้ความสำคัญกับประเด็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่เธอพูดออกมาไม่ใช่มุ่งจะสร้างความหวือหวาให้คนสนใจ แต่ต้องการจะพูดในประเด็นที่ถูกต้อง ตรงกับข้อเท็จจริง ไม่ใช้ปลุกปั่นให้คนกลุ่มหนึ่งมาขัดแย้งกับอีกหนึ่งกลุ่ม ซึ่งยิ่งจะสร้างปัญหาร้าวฉานในชุมชนหนักยิ่งขึ้น ชาวโรฮิงญากว่า 6 แสนคนหลบหนีเข้าไปที่บังกลาเทศ เพื่อนบ้าน นับตั้งแต่กองทัพเมียนมาเริ่มใช้ปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮิงญาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม

+++ราคาน้ำมันขยับลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนธันวาคม ลดลง 37 เซนต์ ปิดที่ 55.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 34 เซนต์ ปิดที่ 61.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนทั้งสองสัญญา

+++ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 138.19 จุด (0.59 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 23,271.28 จุด  ด้านราคาทองคำในวันพุธ(15พ.ย.) ปิดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน หลังดอลลาร์ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 5.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,277.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์

+++เอเอฟพี รายงานอ้างสถาบันเศรษฐกิจและสันติภาพของออสเตรเลีย ซึ่งรวบรวมสถิติเหตุก่อการร้ายทั่วโลกมาแล้ว 17 ปี ร่วมกับทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมร์รี่แลนด์ของสหรัฐฯ นับว่าเป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดเหตุก่อการร้ายที่ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของโลก พบว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายทั่วโลกลดลงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันจากเมื่อปีที่แล้ว แต่มีจำนวนประเทศที่เคยเกิดเหตุก่อการร้ายเพิ่มเป็น 77 ประเทศ มีคนเสียชีวิต 25,673 ศพ ลดลงร้อยละ 22 จากช่วงที่เกิดเหตุโจมตีของผู้ก่อการร้ายมากที่สุดในปี 2557 ระบุถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ลดลงว่า เป็นผลในทางบวกและเป็นจุดพลิกผันสำคัญจากการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายทั่วโลก  ในภาพรวมตัวเลขผู้เสียชีวิตลดลงมากในซีเรีย ปากีสถานและอัฟกานิสถาน พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าการโจมตีของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)ในอิรักเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตในอิรักเพิ่มขึ้นเกือบครึ่งหนึ่งจากตัวเลขผู้เสียชีวิตรวมร้อยละ 40 ในอิรัก พร้อมทั้งเตือนว่า นักรบกลุ่มไอเอสในอิรักและซีเรีย อาจจะไปเข้าร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรงในพื้นที่อื่นๆของโลก หลังการแพ้สงครามในอิรักและซีเรีย แต่ข้อสังเกตว่าขณะนี้ศักยภาพในการโจมตีของกลุ่มไอเอสเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีคนเสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ส่วนในอัฟกานิสถาน รายงานตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อปีที่แล้ว กลุ่มตอลีบัน ได้ลดการโจมตีพลเรือน แต่เพิ่มการโจมตีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงมากขึ้น สำหรับในยุโรปและประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ เมื่อปีที่แล้ว มีคนเสียชีวิตจากเหตุก่อการร้ายมากที่สุดนับแต่ปี 2531 แต่ไม่รวมเหตุวินาศกรรมสหรัฐฯเมื่อ 11 กันยายน 2544

+++แผ่นดินไหวเกาหลีใต้ เกิดขึ้นลึกลงไปใต้ดินเพียง 9 กิโลเมตร ใกล้เมืองโพฮัง ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรม รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้เกือบทั้งประเทศ รวมถึงกรุงโซล ล่าสุด สำนักข่าวยอนฮับ รายงานอ้างเจ้าหน้าที่สำนักบริหารด้านอุตุนิยมวิทยาเกาหลีใต้ว่า มีคนบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน เกิดอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายระลอก อาคารบ้านเรือนหลายแห่งสั่นไหว หนังสือร่วงหล่นลงจากชั้นวางสินค้าของร้านขายหนังสือ และแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ทั่วประเทศ รวมถึงกรุงโซล ซึ่งอยู่ไกลออกไปราว 374 กม.ด้านประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้ เรียกประชุมฉุกเฉินเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือเรื่องนี้ หลังเดินทางกลับจากการไปร่วมประชุมด้านความมั่นคงประจำปีกับกลุ่มอาเซียนในกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์

+++สื่อของทางการอิหร่านว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.3 ใกล้ชายแดนอิหร่าน-อิรักเมื่อวันอาทิตย์ สูงเกิน 530 ศพ จำนวนนี้ รวมถึงผู้เสียชีวิต 7 ศพในอิรัก ส่วนผู้รอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวในอิหร่านต้องไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวท่ามกลางอากาศหนาวจัด การจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ของรัฐบาลและองค์กรการกุศลหลายแห่งของอิหร่าน ยังไปไม่ถึงท้องที่บางแห่งในเขตพื้นที่ภูเขาสูง เนื่องจากเหตุดินสไลด์จากเทือกเขาสูงลงมาปิดถนนที่อยู่ด้านล่าง กระทบต่อการลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังพื้นที่ประสบภัย