นายกฯเข้าทำงานทำเนียบฯแล้ว /ผบ.สส.ตรวจเยี่ยม บก.ทบ.-ตชด./กรมทางหลวงมั่นใจสร้างถนนได้มาตรฐาน

15 พฤศจิกายน 2560, 13:55น.


ข่าวเที่ยงครึ่งวัน 12.30 น.



+++ความเคลื่อนไหวจากทำเนียบรัฐบาล ว่า เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจภายในทำเนียบรัฐบาล ภายหลังกลับจากการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 25 ณ นครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 ที่กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เมื่อช่วงกลางดึกที่า โดยตลอดทั้งวันนี้นายกรัฐมนตรีไม่มีภารกิจอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ท่ามกลางการติดตามความเคลื่อนไหวของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่หลายฝ่ายคาดว่าจะมีความชัดเจนขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจากต่างประเทศ



++++พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เดินทางมาตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับกองทัพบก โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) นำผู้บังคับบัญชาระดับสูง และผู้บังคับหน่วยของกองทัพบกให้การต้อนรับ ซึ่งการตรวจเยี่ยมฯ ในครั้งนี้เป็นการตรวจเยี่ยมอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังเข้าดำรงตำแหน่ง ผบ.ทสส.



+++พล.อ.ธารไชยยันต์ ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กองทัพบก ให้ความเร่งด่วนในการพิทักษ์เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สนับสนุนการจัดกิจกรรมโครงการหน่วยพระราชทานและประชาชนจิตอาสา "เราทำความดี ด้วยหัวใจ" รวมทั้งการปฏิบัติตามศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน อย่างเต็มขีดความสามารถและสมพระเกียรติ และให้ยึดถือนโยบายของรัฐบาล นโยบายของกระทรวงกลาโหม และนโยบายเร่งด่วนของ รมว.กลาโหม เป็นแนวทาง รวมทั้งได้ชื่นชมผลการปฏิบัติงานของกองทัพบก ทั้งในด้านการป้องกันประเทศ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ การบรรเทาภัยพิบัติและช่วยเหลือประชาชน การเป็นกำลังหลักในการแก้ไขปัญหาวิกฤติของชาติ การสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทำให้ประเทศชาติสามารถฟันฝ่าอุปสรรค และวิกฤติการณ์มาได้จนถึงปัจจุบัน



+++จากนั้น พล.อ.ธารไชยยันต์ ยังได้เดินทางไปตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้กับ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ในฐานะที่เป็นหน่วยขึ้นการควบคุมทางยุทธการในภารกิจการป้องกันชายแดน รวมทั้งได้กล่าวชื่นชมผลการปฏิบัติงานของกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ทั้งในด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน การช่วยเหลือประชาชน การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการดำเนินกิจการของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน



+++หลังนพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย ผอ.ศูนย์ความร่วมมือแห่งองค์การอนามัยโลก หรือ ฮู (WHO) แถลงรายงานสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนนในประเทศไทยว่า ปี 59 ประเทศไทย มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 22,356 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 58 ถึง 2,877 ราย เมื่อตีเป็นมูลค่าความสูญเสียรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี เตรียมส่งข้อมูลให้ฮูเพื่อรวบรวมจัดทำเป็นรายงานความปลอดภัยทางถนนของโลก พร้อมแสดงความเป็นห่วงว่า ประเทศไทยจะขึ้นเป็นประเทศที่ถนนอันตรายที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก แทนที่ประเทศลิเบีย จากรายงานของฮูเมื่อปี 58 ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น



+++นายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ซึ่งดูแลทางหลวงทั่วประเทศกว่า 7 หมื่นกม. ยืนยันว่า กรมทางหลวงก่อสร้างถนนได้มาตรฐานระดับสากล โดยอิงมาตรฐานจากแอสโต (aashto) องค์กรชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างงานทางในระดับโลกของอเมริกา แต่ยอมรับว่าทางหลวงทั่วประเทศมีจุดเสี่ยงอันตรายทั้งหมด 141 จุด เนื่องจากสภาพการก่อสร้างเดิมที่เป็นทางโค้งลาดชัน ตัดเขาหรือทางลงเขา แต่ได้ร่วมกับกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง และการท่องเที่ยวญี่ปุ่น หรือเอ็มลิท (MLIT) แก้ไขอยู่โดยใช้โมเดลของญี่ปุ่นแก้ไขปัญหา เนื่องจากลดอุบัติเหตุได้ถึง 70% แต่ปัจจัยหลักคือ การเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงของคนไทย ต้องมีวินัยในการขับขี่เหมือนคนญี่ปุ่น หากมีวินัย ไม่ประมาท ก็สามารถผ่านจุดเสี่ยงได้อย่างปลอดภัย เพราะมีมาตรฐานการป้องกัน เช่น ป้ายเตือนความเร็ว ทาพื้นถนนสีแดงกันลื่น โดยทล.ไม่ได้ปัดความรับผิดชอบ ต้องดูแลรักษาระบบถนนให้ได้มาตรฐาน พร้อมร่วมมือกับผู้เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง



+++ขณะที่ นายสุจิณ มั่งนิมิตร ผอ.สำนักอำนวยความปลอดภัยของทล. กล่าวว่า การอ้างอิงตัวเลขดังกล่าวเป็นการคำนวณตัวเลขเสียชีวิตในภาพรวมไม่ได้เจาะจง หรือคำนวณอัตราการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจริงบนท้องถนน เนื่องจากประเทศไทยขาดการเชื่อมข้อมูลแบบสากล ทำให้ได้และใช้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจะส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เพราะสถิติอุบัติเหตุของไทยที่เกิดสูงสุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ 7 วันอันตราย เฉลี่ยแล้วเสียชีวิตสูงสุด 470 คน ต่อ 7 วัน หรือสูงสุดตลอดทั้งปี ก็จะมีผู้เสียชีวิตสูงสุดที่ 21,000-22,000 คนต่อปีเท่านั้น หรือเฉลี่ยวันละ 67 คน เป็นไปไม่ได้ที่นอกช่วงเทศกาลจะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติบนท้องถนนถึง 67 คนต่อวัน ที่เครือข่ายฮูนำมาใช้



+++เป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีที่สภาคองเกรสของสหรัฐฯ มีการอภิปรายเกี่ยวกับอำนาจของประธานาธิบดีในการสั่งโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์ หลังจากที่มีนักการเมืองสหรัฐฯ หลายคนแสดงความกังวลว่า ประธานาธิบดีอาจสั่งการโดยปราศจากความรับผิดชอบให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้นักการเมืองสหรัฐฯ หลายคนยอมรับว่า ท่าทีก้าวร้าวและไม่มั่นคงของประธานาธิบดีส่งผลต่อผู้อื่นในการทำงานการเมือง ทางคณะกรรมาธิการวุฒิสภา ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จึงเปิดการรับฟังความเห็นจากนักวิชาการจากหลายสถาบันในประเด็น อำนาจในการสั่งการให้ใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยครั้งสุดท้ายที่คองเกรสอภิปรายในประเด็นนี้คือเมื่อเดือนมีนาคม 2519 แต่เมื่อเดือนสิงหาคม ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่า จะโจมตีเกาหลีเหนืออย่างรุนแรงขนาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้มาก่อน หากเกาหลีเหนือยังไม่ยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์ และเมื่อเดือนที่แล้ว นายบ๊อบ คอร์เกอร์ ประธานวุฒิสภารีพับลิกัน กล่าวหาว่าประธานาธิบดีกำลังเดินหน้าไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3



+++กองทัพซิมบับเว ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีกระจายเสียงแห่งชาติ ‘แซดบีซี’ ที่พวกเขาบุกเข้ายึดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น โดยยืนยันว่า พวกเขาไม่ได้เข้ายึดอำนาจรัฐบาล เพียงแต่ส่งทหารเข้าเมืองหลวงตามมาตรการ ซึ่งมีเป้าหมายที่อาชญากร ขณะที่ ประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ และครอบครัวปลอดภัยดี กองทัพออกแถลงการณ์ดังกล่าว หลายชั่วโมงหลังจากมีรายงานว่า ยานพาหนะของกองทัพ และรถหุ่มเกราะหลายคันเข้าประจำการในเมืองหลวง กรุงฮาราเร และเกิดเสียงปืนและเสียงระเบิดดังขึ้นในเขตทางเหนือของเมืองหลวงแห่งนี้ในช่วงเช้ามืดวันพุธ (15 พ.ย.) ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้นำปฏิบัติการทางทหารนี้ ขณะที่ นายไอแซก มาโย ทูตซิมบับเวประจำแอฟริกาใต้ ปฏิเสธข่าวลือเรื่องการก่อรัฐประหาร และยืนยันว่ารัฐบาลยังทำงานได้ตามปกติ

ข่าวทั้งหมด

X