การจัดทำร่างพ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ เพื่อปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มีการเสนอร่างพ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจที่เสนอโดยรัฐบาลเพื่อปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งแต่เดิมรัฐวิสาหกิจจะมีคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กำกับดูแล แต่ ร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่ มีเนื้อหาที่ให้มีการจัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ หรือซูปเปอร์โฮลดิ้ง โดยให้มีการโอนวิสาหกิจที่แปรสภาพไปอยู่ในโฮลดิ้งเบื้องต้น 11 บริษัท และส่วนที่เหลือหากแปรรูปเพิ่มเติม ซึ่งภาคประชาชน สหภาพ วิสาหกิจมีคววมกังวล การโอนความเป็นเจ้าของ ซึ่งจากเดิมเป็นกระทรวงการคลัง อาจเสี่ยงทำให้เกิดการแปรรูปขึ้นมาได้
แม้ว่ารัฐบาลจะยืนยันว่า ไม่ได้มีเป้าหมายแปรรูป และการตั้งซุปเปอร์โฮลดิ้ง ที่กระทรวงการคลังถือหุ้นทั้งหมดและยืนยันจะไม่ขาย แต่แม้ไม่มีการขายหุ้นในส่วนกระทรวงการคลัง แต่รัฐวิสาหกิจสามารถจัดตั้งบริษัทลูกหลายแห่งซึ่งสามารถทำให้เกิดการแปรรูปได้ โดยการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์และขายหุ้น หรือเปิดให้มีผู้เข้าร่วมถือหุ้นได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวยังเป็นความเสี่ยงที่ยังไม่มีการแก้ไข
สำหรับร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ในชั้นกรรมาธิการวิสามัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่เปิดให้ประชาชนเข้าร่วม แต่ทางสหภาพจะไม่เข้าร่วมเพราะมองว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ถูกต้อง และห็นว่าควรถอนร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว และจัดทำหลักการขึ้นมาใหม่ให้ถูกต้องอีกครั้ง
นายธีระชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้รัฐบาลกำลังยกร่างอีก 2 ฉบับเรื่องในงบประมาณ และการเงินการคลัง โดยมีความพยายามเปลียนแปลงนิยามรัฐวิสาหกิจต่างจากเดิม ทำให้บริษัทลูกของรัฐวิสาหกิจสามารถหลุดออกจากการกำกับดูแลจากรัฐบาลและกฎหมายวินัยการเงินการคลัง เพื่อให้สอดรับกับร่างพ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ จึงมองว่าการแก้ไขดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง ดังนั้นประชาชนต้องติดตามให้มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้ความไม่ถูกต้องเกิดขึ้นได้
นายธีระชัย เปิดเผยด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้เวลาประมาณ 10.30 น. ตนเองและม.ล.กรณ์กสิวัฒน์ เกษมศรี จะเดินทางไปที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อยื่นหลังสือให้พิจารณาตรวจสอบหลักเกณฑ์การเปิดประมูลปิโตรเลียม งานที่มองว่ากีดกันระบบการจ้างผลิตและไม่เป็นไปตามสากลอีกด้วย
อย่างไรก็ตามนายธีระชัย ยังกล่าวถึง 6 คำถามของนายกรัฐมนตรี โดยตอบในส่วนของข้อที่ 3 ด้านนโยบายของรัฐบาล ว่าในส่วนของด้านเศรษฐกิจ มองว่าเป็น 3 ปีที่น่าเสียดาย เพราะรัฐบาลพยายามช่วยเหลือรากหญ้าแต่เน้นช่วยเหลือเฉพาะหน้า กระตุ้นการบริโภคและจีดีพี แต่ไม่ได้ ยั่งยืนหรือทำให้ประชาชนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน