การดำเนินคดีกับแพทย์ที่ทำอุ้มบุญ พ.ต.อ.เดชา พรหมสุวรรณ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนสน.ลุมพินี ได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายเรียก นพ.พิสิฐ ตันติวัฒนากุล แพทย์ซึ่งเป็นเจ้าของสถานพยาบาล ออล ไอวีเอฟ ย่านเพลินจิต ซึ่งเป็นผู้ทำอุ้มบุญ โดยจากการสอบพยานหลายปากพบหลักฐานเชื่อมโยง มีความผิด โดยจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา 2 ข้อหา คือ ผิด พ.ร.บ.สถานพยาบาล ประกอบกิจการและสถานพยาบาลไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท ไม่ควบคุมดูแลให้ผู้ประกอบการวิชาชีพเวชกรรมในสถานบริการ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรมโทษ 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท เจ้าหน้าที่ได้ส่งหมายเรียกดังกล่าวไปยังบ้านพักนายแพทย์พิสิฐ ย่านห้วยขวาง เพื่อเรียกเจ้าตัวมาสอบปากคำ และรับทราบข้อกล่าวหาภายในวันศุกร์ที่ 22 ส.ค. เวลา 12.00 น.ที่สน.ลุมพินี หากนายแพทย์พิสิฐไม่เดินทางมาตามหมายเรียกก็จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และหากยังไม่มาจะขอศาลออกหมายจับทันที
ด้านพล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิด ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ประชุมร่วมกับฝ่ายสืบสวน และ สน.ลาดพร้าว เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีอุ้มบุญ ในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของบก.น.4 หลายประเด็นมีความคืบหน้า และขณะนี้ชุดสืบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานจากหน่วยงานต่างๆ นำมาประกอบสำนวนคดี เพื่อระบุถึงมูลเหตุ ที่นายมิตซูโตกิ ชิเกตะ ชาวญี่ปุ่น อายุ 24 ปี ทำอุ้มบุญ เบื้องต้นมีความชัดเจนแล้ว ว่าหญิงไทย 9 คน ที่รับจ้างอุ้มบุญให้นายชิเกตะ ได้รับการฝังตัวอ่อนในครรภ์จากนพ.พิสิฐ ที่คลีนิค ออล ไอวีเอฟ ทุกคน ส่วนกรณีไปสอบสวนพยานที่ประเทศกัมพูชา ว่านายชิเกตะ ได้มีการว่าจ้างหญิงอุ้มบุญ หรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผู้บังคับบัญชากำหนดประเด็น การสอบสวนก่อน ซึ่งในวันพุธนี้ บก.น.4จะมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าคดี และจะมีการชัดเจนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า ขณะนี้ นายชิเกตะ ยังไม่เดินทางเข้ามาในประเทศ เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน