ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.
+++หนังสือพิมพ์โรดอง ซินมุน กระบอกเสียงของพรรคแรงงาน ที่ปกครองเกาหลีเหนือว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือประณามการที่สหรัฐฯสั่งสมกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้ามายังคาบสมุทรเกาหลีมากขึ้นในระยะนี้ ย้ำว่าสหรัฐฯจะต้องรับผิดชอบทั้งหมดสำหรับการใช้มาตรการทางทหารเพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ที่เปราะบางเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ หนังสือพิมพ์ดังกล่าวได้วิจารณ์รัฐบาลสหรัฐฯในบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ฉบับวานนี้ กล่าวหาสหรัฐฯว่าทำให้สถานการณ์แย่ลงย้ำว่าถ้าสหรัฐฯไม่ยอมยุตินโยบายที่มุ่งร้ายและการข่มขู่โจมตีเกาหลีเหนือด้วยนิวเคลียร์ เกาหลีเหนือก็ย่อมจะมีสิทธิ์ในการป้องกันตนเอง เพื่อป้องกันภัยนิวเคลียร์จากสหรัฐฯ
+++ ซาอุดีอาระเบียในวันพฤหัสบดี(9พ.ย.) เปิดเผยว่ามีบุคคลต่างๆ 201 รายกำลังอยู่ภายใต้การควบคุมตัวเพื่อสอบปากคำ ในการกวาดล้างคอรัปชันครั้งใหญ่ในหมู่ชนชั้นสูง โดยคาดกันว่าปัญหาทุจริตและฉ้อฉลสร้างความสูญเสียอย่างน้อยๆ 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯตลอดช่วงหลายทศวรรษที่ ในบรรดา 208 คน มีอยู่ 7 รายที่ได้รับการปล่อยตัวไปโดยไม่มีการตั้งข้อหาใดๆเจ้าชาย อัลวาลิด บิน ตาลัล มหาเศรษฐีพันล้านและเจ้าของบริษัทการลงทุน คิงดอม โฮลดิงส์ เป็น 1 ในเจ้าชาย 11 องค์, รัฐมนตรี 4 คน และอดีตรัฐมนตรีอีกหลายสิบคนที่ถูกควบคุมตัวหรือถูกปลดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในการกวาดล้างคอรัปชั่นในหมู่ชนชั้นสูงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของซาอุดีอาระเบียทางการได้อายัดบัญชีธนาคารของผู้ถูกกล่าวหาและเตือนว่าทรัพย์สินต่างๆที่พัวพันกับคดีคอรัปชันจะถูกยึดเป็นของแผ่นดิน ในขณะที่รัฐบาลเตรียมขยายปฏิบัติการปราบปรามให้กว้างขึ้น
+++การปราบปรามครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากสมเด็จพระราชาธิบดีซาลมานมีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมาธิการปราบปรามการทุจริตแห่งใหม่ภายใต้การควบคุมของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พระโอรสที่มีพระชนม 32 พรรษา ที่จัดการรวบอำนาจอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ขึ้นมายิ่งใหญ่ แม้ว่าเป็นผู้ที่แทบไม่มีใครรู้จักเมื่อไม่ถึง 3 ปีที่แล้วเมื่อเดือนกันยายน เจ้าชายโมฮัมเหม็ดประกาศยกเลิกการห้ามผู้หญิงขับรถ และพยายามยกเลิกธรรมเนียมอนุรักษนิยมที่ยึดถือปฏิบัติกันมาหลายสิบปีด้วยการส่งเสริมความบันเทิงและให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
+++ประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต ของฟิลิปปินส์กล่าวต่อที่ประชุมผู้บริหารระดับซีอีโอในเมืองดานัง เวียดนามในวันนี้ว่าโลกาภิวัฒน์ส่งผลให้แรงงานที่ฉลาดที่สุดจากประเทศที่มีฐานะยากจนในกลุ่มสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน)ให้โยกย้ายถิ่นฐานไปอยู่ต่างประเทศ เขาพูดในเวทีนี้ก่อนการประชุมสุดยอดของผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก)ในวันที่ 10-11 พฤศจิกายนนี้ พร้อมยกตัวอย่างประเทศฟิลิปปินส์ว่า คนหนุ่มสาวชาวฟิลิปปินส์กว่า 10 ล้านคนทำงานอยู่ในต่างแดน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมดของฟิลิปปินส์ ส่งเงินกลับประเทศรวมหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในแต่ละปี โดยแรงงานกลุ่มนี้นิยมโยกย้ายไปอยู่ในประเทศอื่นๆที่เศรษฐกิจที่เจริญกว่า เช่นสหรัฐฯ นายทรัมป์,ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียจะทยอยเดินทางไปยังเวียดนามในวันพรุ่งนี้เพื่อร่วมประชุมสุดยอดกลุ่มกลุ่มเอเปกในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้
+++ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 101.42 จุด ปิดที่ 23,461.94 จุด หลังสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาเสนอให้มีการชะลอการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ 35 สู่ระดับ ร้อยละ 20 ออกไปอีก 1 ปี จนถึงปี 2019 เป็นการสวนทางความตั้งใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้โดยทันทีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ
การชะลอการบังคับใช้มาตรการปรับลดอัตราภาษี จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในร่างกฎหมายปรับลดอัตราภาษีได้มากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ แต่ก็จะส่งผลให้บริษัทของสหรัฐฯที่ตั้งอยู่ในต่างประเทศเลื่อนการตัดสินใจย้ายฐานกลับสู่มาตุภูมิ เนื่องจากต้องการรอให้การปรับลดอัตราภาษีมีผลบังคับใช้ก่อน ส่วนราคาทองคำปิดในแดนบวก โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 3.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,287.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ด้านราคาน้ำมันในวันพฤหัสบดี(9พ.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ท่ามกลางรายงานข่าวซาอุดีอาระเบียและเหล่าชาติอาหรับอื่นๆ แนะพลเมืองให้เดินทางออกจากเลบานอน จากสถานการณ์ความตึงเครียดที่เลวร้ายลงเรื่อยๆในตะวันออกกลางเกี่ยวกับสงครามเยเมน สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ ปิดที่ 57.17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน ส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ ปิดที่ 63.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++มีคำแนะนำแจ้งถึงพลเมืองให้งดเดินทางไปยังเลบานอน ขณะที่ผู้ที่พำนักอยู่ในเลบานอนอยู่แล้ว ก็ขอให้เดินทางออกมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซาอัด อัล-ฮารีรี นายกรัฐมนตรีเลบานอน ประกาศลาออกระหว่างที่กำลังอยู่ในซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันเสาร์(4พ.ย.) โดยอ้างว่ากลัวถูกลอบสังหาร พร้อมกล่าวหาอิหร่านและพวกฮิซบอลเลาะห์ กลุ่มติดอาวุธชีอะห์เลบานอน กำลังบ่มเพาะให้เกิดความขัดแย้งในโลกอาหรับ
+++ด้านรัฐบาลซาอุดิอาระเบียและคนใกล้ชิดของนายฮาริรีปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า เขาถูกกักบ้านพักอยู่ในซาอุดิอาระเบีย แต่ตัวนายฮาริรีไม่ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธอย่างชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวต่างๆของเขาในซาอุดิอาระเบียถูกจำกัดหรือไม่ ด้านรัฐบาลซาอุดิอาระเบียระบุว่ากลุ่มเฮซโบลเลาะห์ของเลบานอน ที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน อยู่เบื้องหลังการล้มล้างระบบการเมืองในเลบานอน นอกจากนั้นในคำแถลงลาออก นายฮาริรี ตำหนิอิหร่านและกลุ่มเฮซโบลเลาะห์ว่า ชอบปลุกปั่นให้เกิดปัญหาความแตกแยกขึ้นมาในกลุ่มชาติอาหรับ เพิ่มเติมว่าเขาหวั่นเกรงว่าตัวเขาอาจจะถูกลอบสังหาร หากเดินทางกลับยังเลบานอน
+++นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น เสียฟอร์มเล็กน้อย หลังเกิดพลาดท่าล้มหงายหลังตีลังกาตกลงไปในบ่อทราย ระหว่างออกรอบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ซึ่งไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย จนถูกโลกออนไลน์แซว "นี่หรือคือมิตรแท้"เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 พ.ย.โดยทรัมป์และอาเบะ ออกรอบตีกอล์ฟร่วมกัน หลังจากร่วมประชุมหารือกันในประเด็นสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นการค้าและวิกฤตเกาหลีเหนือ ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯทำเอาอาเบะถึงกับอึ้ง โดยบอกว่าเศรษฐกิจของชาติเอเชียแห่งนี้ไม่ได้ดีเท่ากับของอเมริกา และประกาศว่าจะทำให้สถานการณ์เป็นอยู่ในทิศทางนี้ต่อไปและยังเรียกกระแสโจมตี ทรัมป์ บนโลกออนไลน์ ว่าเขาหยาบคายกับ อาเบะ ก็คือการใช้ถามคำถามว่า "ไม่รู้เศรษฐกิจญี่ปุ่นดีเหมือนกับสหรัฐฯ ไหม? แต่ผมคิดไม่ ... ใช่ไหม? เราพยายามรักษาให้มันเป็นไปในทิศทางนั้น แต่คุณจะเป็นอันดับ 2"