คงค่าเอฟที เดือนม.ค.-เม.ย. 2561

การพิจารณาค่าเอฟทีสำหรับเดือนมกราคม - เมษายน ปี2561 นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2561 ถ้าเชื้อเพลิงทุกชนิดได้แก่ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันเตา และถ่านหิน มีแนวโน้มสูง ขึ้นโดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น 15.42 บาทต่อบีทียู แต่เนื่องจากมีเงินสะสมมาตั้งแต่กลางปี 2560 อยู่จำนวนหนึ่ง จึงนำมาช่วยตรึงราคาค่าเอฟที ในงวดนี้วัยที่ -15.90 สตางค์ต่อหน่วย  และ เก็บไว้ส่วนหนึ่งช่วยพยุงค่าเอฟที ในงวดเดือนพฤษภาคม ถึงสิงหาคม 2561 ไม่ให้สูงเกินไปเพื่อช่วยบรรเทาภาระผู้ใช้ไฟฟ้า  โดยการตรึงค่าเอฟทีเรียกเก็บเดือน มกราคม-เมษายน 2561 อยู่ที่ -15.90 สตางค์ต่อหน่วย จะมีผลทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่  3.5966 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

อย่างไรก็ตาม กกพ.จะมีการเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดผ่าน www.erc.or.th เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ตั้งแต่วันที่ 9 ถึง 24 พฤศจิกายน 2561  ก่อนจะนำผลการรับฟังความคิดเห็นมาพิจารณาและให้การไฟฟ้าประกาศเรียกเก็บไฟฟ้าตามสูตรการปรับค่า เอฟทีสำหรับเรียกเก็บในรอบดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป

นอกจากนี้ กกพ. ยังได้สรุปปัจจัยที่มีผลต่อราคาเชื้อเพลิงและการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2561 โดยความต้องการการใช้พลังงานไฟฟ้าในช่วงเวลาดังกล่าว เข้ากับ 61,628 ล้านหน่วย ปรับตัวลดลงจากช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2561 เท่ากับ 708 ล้านหน่วยคิดเป็น - 1.14 ส่วนการใช้เชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าในช่วงเดือน มกราคมถึงเดือนเมษายน 2561 ยังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ร้อยละ 58.83 รองลงมาเป็นการรับซื้อไฟฟ้าจากลาว ลิกไนต์และถ่านหินนำเข้า

สำหรับ แนวโน้มราคาเชื้อเพลิงคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติรวมค่าผ่านท่ออยู่ที่ 253.91 บาทต่อล้านบีทียู  ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดที่แล้ว  15.42 บาทต่อล้านบีทียู  ราคาน้ำมันเตา 16.20 บาทต่อลิตร ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.77 บาทต่อลิตร / ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 19.7 7 บาทต่อลิตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.24 บาทต่อลิตร / ราคาถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าเอกชนอยู่ที่ 2,519.49 บาทต่อตันปรับเพิ่มขึ้น 163.46 บาทต่อตัน/ ราคาลิกไนต์กฟผอยู่ที่ 693 บาทต่อตันไม่เปลี่ยนแปลง

ปิยะธิดา เพชรดี ผสข.