+++คณะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ พร้อมด้วยนางเมลาเนีย ภริยา และคณะเดินทางด้วยเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ฟอร์ซ วัน จากเกาหลีใต้ ถึงสนามบินกรุงปักกิ่ง ของจีนแล้ว ตามกำหนดการเยือนแผ่นดินใหญ่เป็นเวลา 2 วัน เพื่อพบหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีน ในหลายประเด็นสำคัญ รวมถึงการค้าและความมั่นคง โดยเฉพาะปัญหาเกาหลีเหนือ
+++เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำทำเนียบขาวสหรัฐฯ กล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ จะขอให้จีนตัดการติดต่อทางการเงินกับเกาหลีเหนือ และทำตามมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ (ยูเอ็น)
+++ก่อนออกเดินทางจากเกาหลีใต้ นายทรัมป์ ยกเลิกการเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มารีน วัน ไปเยือนเขตปลอดทหารเกาหลี หรือเส้นขนานที่ 38 กั้นเขตแดน 2 เกาหลีเหนือ-ใต้ เนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวย ได้กล่าวเตือนไปยังนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมรัฐสภาเกาหลีใต้ ในกรุงโซล ตอนหนึ่งว่า อย่าประเมินค่าเราต่ำเกินไป และอย่าคิดลองดีกับเรา อาวุธที่เกาหลีเหนือกำลังพัฒนาหรือกำลังสะสม ไม่ได้ทำให้เกาหลีเหนือปลอดภัยกว่าเดิม แต่จะเป็นภัยต่อรัฐบาลเกาหลีเหนือเอง พร้อมเรียกร้องให้ทุกประเทศร่วมมือกันโดดเดี่ยวรัฐบาลเกาหลีเหนือ
+++กรณีการยิงขีปนาวุธโจมตีซาอุดิอาระเบีย กองทัพอากาศซาอุดิอาระเบีย สามารถยิงสกัดขีปนาวุธได้ ทำเนียบขาว ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐฯประณามกบฏฮูตีในเยเมน กรณีการยิงขีปนาวุธโจมตีซาอุดิอาระเบียว่า การกระทำของกบฏฮูตีกระทบต่อความมั่นคงของภูมิภาคตะวันออกกลางและทำลายความพยายามของยูเอ็น ที่อยู่ระหว่างการโน้มน้าวให้คู่ขัดแย้งทุกฝ่ายของเยเมนเข้าร่วมการเจรจาเพื่อยุติปัญหาสงครามในเยเมน นอกจากนี้สหรัฐฯได้เรียกร้องให้ยูเอ็นทำการตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียดว่าอิหร่านจัดส่งอาวุธไปให้กับกบฏในเยเมนจริงหรือไม่เนื่องจากขีปนาวุธที่ร้ายแรงเช่นนี้ไม่เคยมีอยู่เยเมนมาก่อนเกิดสงคราม
+++เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย ระบุว่า การที่อิหร่านจัดส่งขีปนาวุธไปให้กับฝ่ายกบฏในเยเมนถือเป็นยั่วยุทางทหาร ซึ่งอาจจะนำไปสู่ทำสงครามกับซาอุดิอาระเบียโดยตรง
+++ด้านรัฐบาลอิหร่าน ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีซาอุดิอาระเบีย ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานีของอิหร่านตั้งข้อสังเกตว่าการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากเยเมน อาจจะเป็นการตอบโต้ของฝ่ายกบฏในเยเมน หลังซาอุดิอาระเบียเข้าไปโจมตีทางอากาศในเยเมน พร้อมทั้งปิดกั้นระบบคมนาคมทั้งหมดที่จะผ่านซาอุดิอาระเบีย ทั้งน่านฟ้า ด่านชายแดนและท่าเรือต่างๆที่ติดต่อกับชายแดนของเยเมน
+++ไปที่เวียดนาม รัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีการค้าของ 21 ประเทศรอบริมฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ร่วมประชุมที่เมืองดานัง เวียดนาม เพื่อหาแนวทางบรรลุข้อตกลงตลาดเสรี และประเด็นทางยุทธศาสตร์อื่นๆ ก่อนการประชุมระดับผู้นำประเทศเอเปกครั้งที่ 29จะมีขึ้นในวันศุกร์
+++ชาวเวียดนามเริ่มทำความสะอาดบ้านเรือนหลังระดับน้ำเริ่มลดลง หนึ่งวันก่อนที่การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปกจะเริ่มขึ้นประชาชนในเมืองฮอยอัน ซึ่งเป็นเมืองโบราณเริ่มทำความสะอาดล้างเศษดินโคลนออกไปจากบ้านเรือนและร้านค้า ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงฉีดน้ำไล่ดินโคลนออกไปจากท้องถนน มีรายงานว่า ทางการได้ปล่อยน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำ 7 แห่งตามแผน และเฝ้าจับตาระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง และพยายามควบคุมไม่ให้มีน้ำท่วมรอบเมืองดานัง สถานที่จัดการประชุมสุดยอดกลุ่มเอเปก ที่จะมีผู้นำประเทศต่างๆ ทั้งประธานาธิบดีทรัมป์ ประธานาธิบดีสี และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเดินทางมาร่วมประชุมในสัปดาห์นี้
+++สำนักข่าวเอพี รายงานว่า นายฟาม บินห์ มินห์ รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม กล่าวต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรีของกลุ่มเอเปก ว่า โลกและภูมิภาคกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง จากโอกาสและความท้าทายที่ผสมผสามกัน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจกำลังแข็งแกร่ง แต่อัตราเติบโตตามเป้าหมายยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยช่วงก่อนวิกฤต และหลายประเทศของเอเปกวิตกว่าความพยายามเพิ่มผลผลิต โดยผ่านการการใช้เครื่องจักรแทนมนุษย์ อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน
+++เวียดนาม ใช้โอกาสการเป็นประเทศเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้ อวดความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ปัจจัยหลักเป็นผลจากการเปิดกว้างรับการลงทุนและการค้าจากต่างประเทศ ปัจจุบันเวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่สินค้าสิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม และเป็นฐานผลิตขนาดใหญ่สุดสำหรับโทรศัพท์มือถือของบริษัทซัมซุงแห่งเกาหลีใต้
+++ประชาชนที่สนับสนุนการแยกแคว้นกาตาลุญญา ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ออกจากสเปน ผละงานประท้วงตามเสียงเรียกร้องจากสหภาพแรงงาน เมื่อวันพุธ โดยนอกจากจะมีการชุมนุมในเมืองบาร์เซโลนาแล้ว ยังมีการแยกย้ายปิดถนนและทางรถไฟทั่วแคว้นด้วย
+++สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปนว่า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่บริการขนส่งสาธารณะคาตาลัน ประชาชนปิดกั้นถนนทางสัญจรกว่า 50 จุดทั่วแคว้น รวมถึงถนนมอเตอร์เวย์สายหลักอย่าง เอพี-7 ที่เชื่อมต่อฝรั่งเศสกับแคว้นกาตาลุญญาและส่วนที่เหลือของสเปน หรือสาย เอ-2 เชื่อมต่อบาร์เซโลนากับกรุงมาดริด
+++ขณะเดียวกัน สถานการณ์การเมืองในแคว้นกาตาลุญญา ยังไม่มีความชัดเจน หลังรัฐบาลกลางสั่งปลดผู้นำรัฐบาลท้องถิ่น รวมถึงนายการ์เลส ปุยเดอร์มงต์ ผู้นำแคว้นกาตาลุญญา ขณะนี้อยู่ในเบลเยียมและอยู่ระหว่างการไต่สวนเพื่อส่งตัวกลับไปยังสเปนในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อรับการดำเนินคดีตามกฏหมายในสเปน
+++ทางการเมียนมาเตือนว่า แถลงการณ์ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ตำหนิเมียนมาเสี่ยงกระทบอย่างยิ่งต่อการเจรจากับบังกลาเทศในการส่งกลับชาวโรฮิงญากว่า 600,000 คน ซึ่งอพยพหนีปฏิบัติการปราบปรามของกองทัพเมียนมา คณะมนตรีความมั่นคงฯออกแถลงการณ์เรียกร้องให้เมียนมารับประกันว่าจะไม่ใช้กำลังทหารเกินกว่าเหตุ และแสดงความวิตกอย่างยิ่งตามที่มีรายงานข่าวละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัฐยะไข่ สำนักงานนางอองซานซูจี ผู้นำเมียนมากล่าวว่า แถลงการณ์ของคณะมนตรีความมั่นคงจะบ่อนทำลายการเจรจาระหว่างเมียนมากับบังกลาเทศอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามการเจรจากับบังกลาเทศยังคงเป็นไปตามกำหนดต่อไป โดยนายอาบุล ฮัสซัน มาห์มุด อาลี รัฐมนตรีต่างประเทศบังกลาเทศได้รับเชิญให้เดินทางมายังเมียนมาระหว่างวันที่ 16-17 พ.ย.นี้
+++ทางการกรุงนิวเดลี นครหลวงของอินเดีย สั่งปิดโรงเรียนประถมทั้งหมด ขณะที่มลพิษในอากาศพุ่งสูงเกินกว่าระดับที่องค์การอนามัยโลกระบุว่าปลอดภัยถึง 70 เท่า ส่งผลให้แพทย์ต้องออกมาเตือนให้ประชาชนระวังสุขภาพ หมอกควันสีเทาหนาทึบแผ่ปกคลุมตามท้องถนนในกรุงนิวเดลี ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก ส่งผลให้ประชาชนที่เดินถนนและขี่จักรยานต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือนำผ้ามาปิดปากปิดจมูก เว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐระบุว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพพุ่งสูงถึงระดับ 700 ซึ่งสูงเกินกว่าระดับที่องค์การอนามัยโลกกำหนดถึง 70 เท่า จากนั้นก็ลดลงมาเล็กน้อย
+++ทัศนวิสัยดังกล่าว ทำให้เกิดอุบัติเหตุ มีรถชนกันอย่างน้อย 13 คัน บนทางด่วนสายหนึ่งในอินเดีย เนื่องจากปัญหาหมอกควันหนาทึบที่ปกคลุมในเขตเกรทเตอร์นอยดา ห่างจากกรุงนิวเดลี ไปราวๆ 30 กิโลเมตร มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 คน
CR:BBC,Reuters