หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับคณะรัฐมนตรีว่า เป็นวิธีการหนึ่งในการบริหารราชการแผ่นดิน ยืนยันว่าการปรับย้ายคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะมีใครทำงานบกพร่อง แต่ปรับย้ายให้เข้ากับสถานการณ์ พร้อมปฏิเสธถึงการปรับลดโควต้าทหารในคณะรัฐมนตรีและกล่าวด้วยว่า ทำไมจะต้องรังเกียจทหาร ที่ผ่านมาในช่วงแรกทหารก็ได้ช่วยทำงานมาโดยตลอด จึงยืนยันว่าการปรับย้ายคณะรัฐมนตรีไม่ได้คิดเรื่องโควต้าว่าจะต้องทหาร ตำรวจ หรือพลเรือน แต่ตนเองจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้การปฏิรูปเดินหน้าต่อไปได้ และที่การทำงานทั้งหมดที่ผ่านมาไม่เสียของ
ส่วนกรณีที่พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ได้ลาออกจากดำแหน่งรัฐมนตรีกว่าการกระทรวงแรงงาน นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไม่ได้เกิดจากการขัดแย้ง ซึ่งในจดหมายลาออกก็ระบุชัดเจนว่าต้องการลาออกไปเพื่อประกอบธุรกิจส่วนตัว และขณะนี้พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ได้รักษาการทำหน้าที่แทนจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อไป
ส่วนที่มีคนระบุว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปรียบเสมือนกล่องดวงใจของตัวเอง นายกรัฐมนตรีย้ำ ว่า ไม่เป็นความจริงกล่องดวงใจของตนเองมีเพียงครอบครัว แต่พล.อ.ฉัตรชัย คือเพื่อนแต่เรื่องงานและเรื่องส่วนตัวถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน พร้อมกล่าวด้วยว่าใครมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องโดนทุกที แท้กระทั่งนักการเมืองเข้ามา เพราะเป็นกระทรวงที่ถูกจับตามาโดยตลอด
ส่วนโครงการ “ก้าวคนละก้าวเพื่อโรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศ” นำโดย นายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตูนวิ่งมาเป็นระยะทางกว่า ร้อยกิโล ไม่เคยมีใครทำได้ การตั้งเป้าหมายไว้นั่น คือความพยายามจะทำให้ได้ แต่ถ้าไม่ได้ทุกคน ก็ต้องให้กำลังใจ และวันนี้ไม่ว่าจะวิ่งได้กี่กิโลเมตร แล้วหากจำเป็นต้องหยุดวิ่ง ก็หยุดได้ ขอทุกคนอย่าดูถูก และอย่ามองว่ารัฐบาลปล่อยให้วิ่ง เพราะเป็นความตั้งใจของเขาเองที่อยากจะช่วยรัฐบาล ช่วยกระทรวงสาธารณสุข พร้อมถามกลับว่า มีใครอยากมาทำเหมือนตูนบ้าง หรือ ทำอย่างอื่น ก็ได้ที่ช่วยกันได้ แต่ที่ผ่านมานั้นทุกคนก็ผลักภาระให้กับรัฐบาลทั้งหมด อะไรที่จะช่วยกันได้ก็ควรจะช่วยกันคนละไม้คนละมือ
อย่างไรก็ตามไม่ว่า ตูนจะวิ่งได้กี่กิโล ทุกคนก็ต้องร่วมให้กำลังใจ พร้อมทั้งเข้าไปดูแล ปฐมพยาบาลช่วงที่พัก ส่วนจะวิ่งได้กี่กิโล หรือพักก่อนจะมาวิ่งต่อ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี พร้อมทั้งระบุว่า ไม่เข้าใจในกรณีที่มีคนตั้งคำถาม มากมาย ทำให้คนดีๆ ไม่ต้องได้ทำอะไร เพราะคนชอบยึดติดแต่เรื่องเดิมๆ วิธีการเดิมๆ