ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯและนายกรัฐมนตรีชินโซะ อาเบะของญี่ปุ่นได้แถลงข่าวร่วมที่พระตำหนักอะกะซะกะในกรุงโตเกียวเมื่อเวลา 12.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ โดยนายอาเบะเริ่มต้นด้วยการแสดงความเสียใจกับรัฐบาลสหรัฐฯและญาติผู้เสียชีวิตหลังเกิดเหตุสังหารในโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งในเมืองซูเธอร์แลนด์ สปริงส์ รัฐเท็กซัส มีคนเสียชีวิต 26 ศพเมื่อวานนี้ จากนั้นผู้นำญี่ปุ่นย้ำถึงสัมพันธ์ที่ดีของเขากับนายทรัมป์ นายอาเบะกล่าวว่า เวลาผ่านมา 1 ปีแล้วหลังจากที่เขาได้ไปพบกับนายทรัมป์เป็นครั้งแรกในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ
นับแต่นั้นมา เขาและนายทรัมป์ได้พบอีกกันหลายครั้งในหลายวาระ ทั้งพูดคุยกันทางโทรศัพท์และร่วมเล่นกอล์ฟร่วมกันอีกหลายครั้ง นายอาเบะกล่าวว่าเขาเชื่อว่าในรอบกว่า 50 ปีที่ผ่านมา คงจะไม่มียุคใดที่ผู้นำประเทศทั้งสองจะมีสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากเท่ากับยุคปัจจุบัน ระบุว่าการที่นายทรัมป์เลือกที่จะมาเยือนญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในการตระเวนเยือนเอเชียในครั้งนี้ยิ่งจะแสดงให้เห็นสายสัมพันธ์ที่ที่ไม่เสื่อมคลายระหว่างพันธมิตรที่สอง พร้อมทั้งหันไปกล่าวกับนายทรัมป์ว่า ขอบคุณครับท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ นอกจากนี้นายอาเบะกล่าวอีกว่าญี่ปุ่นให้การสนับสนุนจุดยืนของสหรัฐฯในประเด็นที่ผู้นำสหรัฐฯระบุว่าจะขอพิจารณาใช้ทางเลือกทั้งหมดเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ
นายอาเบะกล่าวว่ากว่า 20 ปีที่ผ่านมาประชาคมระหว่างประเทศพยายามจะใช้วิธีการเจรจากับเกาหลีเหนือ แต่บัดนี้คงจะไม่ใช่เวลาที่จะมาเจรจากัน แต่จะใช้การมาตรการกดดันในขั้นสูงสุดเพื่อจัดการกับเกาหลีเหนือ ระบุว่าญี่ปุ่นจะร่วมมือกับสหรัฐฯในการร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มมาตรการกดดันเกาหลีเหนือในขั้นสูงสุดต่อไป นอกจากนั้นในวันพรุ่งนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นจะใช้มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติม โดยการอายัดทรัพย์สินขององค์กรและพลเมืองเกาหลีเหนือรวม 35 แห่ง/หรือคน
ด้านนายทรัมป์ เริ่มต้นด้วยการแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุสังหารในโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัสเมื่อวานนี้ กล่าวถึงผู้บาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิตว่า ชาวอเมริกันทุกคนจะร่วมสวดมนต์ให้กับพวกคุณ จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างพวกคุณและเศร้าเสียใจร่วมกับพวกคุณ จากนั้นนายทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯจะยืนอยู่เคียงข้างพลเมืองญี่ปุ่น เนื่องจากทั้งสองประเทศเผชิญกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือด้วยกัน นายทรัมป์กล่าวอีกว่ายุคแห่งความอดทนในเชิงยุทธศาสตร์สิ้นสุดแล้ว เมื่อพูดถึงเรื่องจุดยืนของสหรัฐฯต่อเกาหลีเหนือ เพิ่มเติมว่าบางคนอาจจะทักท้วงที่เขากล่าวถึงเกาหลีเหนือโดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรง แต่ถ้าเราลองนึกย้อนหลังไปดูการพูดจาภาษาดอกไม้กับเกาหลีเหนือมาตลอด 25 ปีที่แล้ว เราจะเห็นว่าไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาเลย นายทรัมป์ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวคนหนึ่งเรื่องทัศนะคติที่มีต่อพลเมืองเกาหลีเหนือ นายทรัมป์กล่าวว่าในภาพรวมเขาคิดว่าพลเมืองเกาหลีเหนือเป็นคนเก่งคนดีมากมาย แต่ถูกปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการ ผู้นำสหรัฐฯหวังว่าในที่สุดสหรัฐฯและพันธมิตรจะสามารถร่วมกันคลี่คลายปัญหานี้ให้สำเร็จ ระบุว่าทางออกที่เขาจะใช้แก้ปัญหาเกาหลีเหนือจะเป็นทางแก้ไขปัญหาที่ดีสำหรับทุกคน รวมถึงประเทศเกาหลีเหนือและพลเมืองเกาหลีเหนือ เพิ่มเติมว่านั่นคือทิศทางการแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต