การลงพื้นที่ตรวจรถโดยสารสาธารณะ ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก นายปริวัฏ เพชรอาวุธ เจ้าพนักงานขนส่งชำนาญงาน ชุดที่ 15 กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ มีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก จำนวน 4 นาย ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวจำนวน 3 นาย กระจายตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะบริเวณทางออกที่ 9 อาคารผู้โดยสารขาออก ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเน้นตรวจสอบรถแท็กซี่ ที่นำผู้โดยสารเข้ามาส่งภายในสนามบิน ซึ่งจะตรวจตั้งแต่ รถที่ไม่ต่อภาษีตามกำหนด ไม่นำรถเข้าตรวจรอบมิเตอร์ นำรถป้ายทะเบียนสีแดงมาใช้งานรวมทั้งรถที่หมดอายุการใช้งาน และต้องเปลี่ยนเป็นประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก จะตรวจสอบอายุการใช้งานได้จากเอกสารประจำตัวผู้ขับขี่ ที่ระบุวันที่จดทะเบียนรถ หลังพบรถที่หมดอายุการใช้งาน ก็จำเป็นต้องถูกถอดป้ายทะเบียนออกทันที ก่อนเจ้าของรถจะนำรถไปจดทะเบียนเป็นประเภทรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและห้ามนำมาขับรับจ้างอีก
กรณีที่พบรถแท็กซี่ภาษีใกล้หมดอายุ ต้องไปต่อภาษี หรือ นำรถเข้าตรวจรอบมิเตอร์ ตามกำหนด เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก ก็จะให้คำแนะนำให้รีบนำรถไปต่อภาษีทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกทันที เพราะหากหมดอายุ แล้วเจ้าหน้าที่ตรวจพบ ต้องถูกเขียนใบคำสั่งผู้ตรวจการ หรือ ถูกดำเนินการเปรียบเทียบปรับต่อไป
ขณะที่ ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ได้มีการประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือ รถแท็กซี่ที่นำผู้โดยสารมาส่งในสนามบิน เมื่อผู้โดยสารลงจากรถแล้ว ให้ออกจากพื้นที่ทันที ไม่จอดรอผู้โดยสารหรือจอดทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน เพราะจะทำให้การจราจร ภายในสนามบินติดขัด โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีผู้โดยสารเดินทางเข้าสนามบินจำนวนมาก และใช้บริการรถแท็กซี่คือในช่วงเช้าและช่วงเย็น อย่างไรก็ตาม ทางสนามบิน จะมีเจ้าหน้าที่ขับรถตระเวนตรวจตรา พร้อมกับประชาสัมพันธ์ ไม่ให้จอดรถริมถนน ด้านหน้าสนามบินเป็นระยะเวลานาน ซึ่งเป็นพื้นที่ห้ามจอดหากฝ่าฝืนจะถูกยกเคลื่อนย้าย หรือปรับ 1,000 บาท
สำหรับการลงพื้นที่ตรวจรถโดยสารสาธารณะในวันนี้พบผู้กระทำความผิดทั้งสิ้น 17 ราย ประกอบด้วย ไม่นำรถเข้าตรวจสภาพ 5 ราย ไม่ใช้มาตรมิเตอร์ 2 ราย ไม่นำรถเข้าจดทะเบียนตามเวลาที่กำหนด 8 ราย แต่งกายไม่สุภาพ 2 ราย เจ้าหน้าที่ได้เปรียบเทียบปรับ 6 รายและเขียนใบคำสั่งผู้ตรวจการณ์ 11 ราย
ผู้สื่อข่าว:เกตุกนก ครองคุ้ม