ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.
+++รอยเตอร์รายงานอ้างสื่ออิหร่านว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเริ่มต้นการเยือนอิหร่านในวันนี้ เพื่อกระชับสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองซึ่งมีทัศนะไม่ตรงกับสหรัฐฯในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะกรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯขู่จะถอนสหรัฐฯออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่อิหร่านลงนามไว้กับ 6 ชาติมหาอำนาจของโลกเมื่อปี 2558 คาดว่าผู้นำรัสเซียและประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานีของอิหร่านจะหารือกันในเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์และปัญหาวิกฤติระดับภูมิภาคเช่นปัญหาสงครามกลางเมืองในซีเรีย ซึ่งทั้งรัสเซียและอิหร่านต่างเป็นผู้ให้การสนับสนุนรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัลอัสซาดของซีเรีย
+++ขณะเดียวกันรัฐบาลสหรัฐฯ ตุรกีและชาติอาหรับส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนฝ่ายต่อต้านของซีเรีย โดยประธานาธิบดีอิหร่านกล่าวในโอกาสต้อนรับประธานาธิบดีปูตินว่ารัฐบาลอิหร่านรู้สึกยินดีที่นอกเหนือจากสัมพันธ์ที่ดีในระดับทวิภาคีแล้ว ประเทศทั้งสองยังมีบทบาทสำคัญในการทำให้เกิดสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่ผ่านมารัสเซียและอิหร่านมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือรัฐบาลซีเรีย ช่วยให้กองทัพซีเรียประสบชัยชนะในการสู้รบครั้งสำคัญๆมาหลายครั้งนับตั้งแต่ปี 2558 และสามารถยึดพื้นที่คืนมาจากฝ่ายต่อต้านได้เกือบทั้งหมด โดยรัสเซียพยายามจะใช้ความสำเร็จนี้เพื่อขับเคลื่อนแนวทางการทูตครั้งใหม่รวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมสันติภาพซีเรียในเมืองโซชิ สถานตากอากาศริมฝั่งทะเลดำของรัสเซียในเดือนหน้า
+++ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างเจ้าหน้าที่กลาโหม 2 คนของสหรัฐฯว่ากองทัพเรือสหรัฐฯส่งเครื่องบินรบเอฟ/เอ-18 จากเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน เพื่อบินไล่เครื่องบินทิ้งระเบิดทียู-95 จำนวน 2 ลำของรัสเซียให้พ้นน่านฟ้า ขณะเครื่องบินรบรัสเซียบินเข้าใกล้เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯเมื่อวันอาทิตย์ การบินตามประกบดังกล่าวมีขึ้นหลังเครื่องบินรบของรัสเซียบินอยู่ในระยะห่าง 80 ไมล์จากเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ ซึ่งถือว่าอยู่ในระยะปลอดภัยและมีความเป็นมืออาชีพ แต่เครื่องบินรบของรัสเซียได้บินหนีออกจากจุดนั้นไปโดยไม่เกิดอันตราย ในช่วงเกิดเหตุเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯแล่นอยู่ในทะเลญี่ปุ่นหรือที่เรียกในเกาหลีว่าทะเลตะวันออก ที่ผ่านมาเรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำของสหรัฐฯคือเรือยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน, เรือยูเอสเอส ธีโอดอร์ รูสเวลต์ และเรือยูเอสเอส นิมิตซ์ แล่นเข้ามาน่านน้ำในพื้นที่ปฏิบัติการทางเรือของกองเรือที่ 7 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันออกของมหาสมุทรอินเดียและทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิค เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยฐานปฏิบัติการหลักอยู่ในประเทศญี่ปุ่น หลายฝ่ายมองเรื่องนี้ว่าสหรัฐฯไม่เพียงแต่ต้องการจะส่งสัญญาณไปถึงเกาหลีเหนือเท่านั้น หากแต่ต้องการจะส่งสัญญาณถึงรัสเซียและประเทศจีนด้วย เนื่องจากทั้งรัสเซียและจีนต่างพยายามขยายบทบาททางทหารในภูมิภาคเอเชียเช่นเดียวกัน ที่ผ่านมารัสเซียได้ส่งเครื่องทิ้งระเบิดบินเข้าไปเหนือน่านฟ้าบริเวณคาบสมุทรเกาหลี
+++บรรษัทกระจายเสียงเอ็นเอชเคของญี่ปุ่นรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯกล่าวต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงในทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า เขาหวังว่าจะหารือในเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงเป็นหลักระหว่างการเยือนเอเชีย 3-14 พฤศจิกายนนี้ โดยนายทรัมป์จะเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ประเทศจีน เวียดนามและฟิลิปปินส์ ระบุว่าการเยือนเอเชียครั้งนี้มุ่งผลักดันนโยบายเศรษฐกิจและความมั่นคงของสหรัฐฯให้มีความคืบหน้า นายทรัมป์จะหารือกับผู้นำเอเชียเรื่องการแก้ไขปัญหาเรื่องเกาหลีเหนือ ซึ่งมีทีท่าว่าจะไม่ยุติโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ นอกจากนี้เขาจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบรรดาผู้นำเอเชียเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ผู้นำสหรัฐฯต้องการคือการค้าเสรีและเป็นธรรมกับประเทศดังกล่าวตามนโยบายที่เขาแถลงไว้คือผลประโยชน์สหรัฐฯต้องมาก่อน นอกจากนี้ นายทรัมป์กล่าวถึงฟิลิปปินส์ว่า เป็นที่ตั้งสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ แต่มีสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นกับรัฐบาลชุดที่แล้วของสหรัฐฯ นายทรัมป์จะใช้โอกาสการเยือนฟิลิปปินส์ครั้งนี้เพื่อปรับปรุงสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองให้ดีขึ้น หลังสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตของฟิลิปปินส์กับอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา สืบเนื่องจากนโยบายปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติดของผู้นำฟิลิปปินส์ ส่งผลให้มีประชาชนถูกฆ่าตัดตอนไปหลายพันศพ
+++ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยตามเดิม พร้อมชี้ให้เห็นถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจอเมริกาและตลาดแรงงานกำลังเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งจากระดับปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 1 - ร้อยละ 1.25 อัตราเงินเฟ้อของเฟดอยู่ที่ร้อยละ 1.3 จากเป้าหมายร้อยละ2 ขณะนี้ เฟดบอกว่ากำลังเดินหน้าแผนลดขนาดงบดุล 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่เริ่มต้นในเดือนตุลาคม และธนาคารกลางสหรัฐฯจะมีกำหนดประชุมทางนโยบายครั้งสุดท้ายของปี 2017 ในวันที่ 12-13 ธันวาคม
+++ราคาน้ำมันปรับลงเล็กน้อยในวันพุธ(1พ.ย.) หลังพบกำลังผลิตสหรัฐฯเพิ่มขึ้น สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนธันวาคม ลดลง 8 เซนต์ ปิดที่ 54.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 45 เซนต์ ปิดที่ 60.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
+++ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพุธ(1พ.ย.) ปิดบวกพอประมาณ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 57.77 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 23,435.01 จุด ส่วนราคาทองคำปิดบวกในวันพุธ(1พ.ย.) ดอลลาร์ทรงตัว ก่อนธนาคารกลางสหรัฐฯให้การอัพเดทนโยบายทางการเงินล่าสุด โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 6.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,277.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++ที่ประชุมรัฐสภาญี่ปุ่นลงมติเลือก นายชินโซ อาเบะ กลับเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัยหนึ่งหลังพรรคร่วมรัฐบาลคว้าชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ตามรัฐธรรมนูญของญี่ปุ่น จากนี้ไปนายอาเบะจะทำหน้าที่จัดตั้งคณะรัฐมนตรีเพื่อบริหารประเทศต่อไป เขามีแผนจะแต่งตั้งรัฐมนตรีชุดที่แล้วกลับเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าจะเกิดความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล เมื่อจัดทำรายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายอาะเบะและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของเขาจะเดินทางไปยังสำนักพระราชวังอิมพีเรียล เพื่อทำพิธีสาบานตนต่อสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะก่อนการปฏิบัติหน้าที่บริหารประเทศอย่างเป็นทางการ
+++ทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯว่านายทรัมป์สั่งการให้กระทรวงความมั่นคงภายในของสหรัฐฯให้เพิ่มมาตรการตรวจสอบภูมิหลังผู้อพยพให้ละเอียดมากขึ้นหลังมีคนเสียชีวิต 8 ศพ บาดเจ็บ 11 คนจากเหตุก่อการร้ายในนครนิวยอร์คเมื่อบ่ายวานนี้ โดยนายทรัมป์ประณามคนร้ายว่าเป็นพวกวิกลจริต เพิ่มเติมว่า สหรัฐฯจะไม่อนุญาตให้สมาชิกกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)เดินทางกลับหรือเข้าประเทศสหรัฐฯหลังถูกปราบปรามในตะวันออกกลางหรือที่อื่นๆ เซฟูลโล ไซปอฟ ชาวอุซเบกิสถาน วัย 29 ปี วางแผนล่วงหน้าหลายสัปดาห์ ก่อนลงมือโจมตีในนามกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) โซปอฟ คนเข้าเมืองชาวอุซเบกิสถาน ที่ย้ายมาอยู่ในสหรัฐฯเมื่อปี 2010