การตรวจความพร้อมนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมระหว่างวันที่ 2 - 30 พ.ย. 2560 ตั้งแต่เวลา 7.00 - 22.00 น. พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการจัดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วย นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมาดูความพร้อมและชมการสาธิตการชมนิทรรศการ พร้อมกล่าวว่า การตรวจความพร้อมวันนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เบื้องต้น จะยังไม่มีข้อห้ามใด เพียงแต่ขอความร่วมมือผู้เข้าชมนิทรรศการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ทั้งการแต่งกาย การถ่ายภาพ ที่อยู่ในท่าทางอาการสำรวม การชมอาคารประกอบต่างๆ รวมถึงเคารพเวลาที่กำหนดไว้ให้ คือ 45 นาที เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่มีความสำคัญและเป็นนิทรรศการประวัติศาสตร์ของไทย ส่วนการขยายเวลาเข้าชมจะประเมินประชาชนที่เข้าชมในแต่ละวันอีกครั้งซึ่งอาจ เปิดเวลาให้เข้าชมเร็วกว่า 7.00 น. หรือปิดหลัง 22.00 น.
ส่วนการขยายวันให้เข้าชมนิทรรศการ หลังวันที่ 30 พ.ย. รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์ หากต้องขยายเวลา จะต้องทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อขอพระบรมราชานุญาต ส่วนตัวอยากให้ประชาชนได้มาเข้าชมในช่วงเวลาที่ได้จัดไว้ให้คือ 2-30 พ.ย. พร้อมย้ำขอความร่วมมือ ผู้เข้าชมให้เอื้ออาทรกัน เพราะมี บุคคลหลากหลายที่จะเดินทางเข้ามาชม และในการนี้สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ จะเสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในการเปิดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในวันที่ 2 พ.ย. 2560 เวลา 7.00 น.
สำหรับ การเข้าชมนิทรรศการประชาชนจะต้องนำบัตรประจําตัวประชาชนแสดงบริเวณ จุดคัดกรอง 5 จุดประกอบด้วย บริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ บริเวณท่าช้าง บริเวณหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์และบริเวณด้านหลังกระทรวงกลาโหม เมื่อ่านจุดคัดกรองเข้ามา ต้องนั่งรอที่จุดพักคอยในเต็นท์บริเวณทางทิศเหนือท้องสนามหลวง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะจัดให้ เข้าชมเป็นรอบรอบละประมาณ 5,500 คน ซึ่งก่อน ที่จะเข้ามาในนิทรรศการจะได้รับแผ่นพับที่ระลึกงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพคนละ 1 แผ่น และน้ำดื่มขวดเล็ก สำหรับพกพามาดื่ม ในระหว่างชมนิทรรศการ และก่อนหมดเวลาประมาณ 5 นาที จะมีเสียงสัญญาณ เพื่อเตือนให้ประชาชนเตรียมตัวออกจากนิทรรศการ ทางด้านหลังพระเมรุมาศ หรือฝั่งตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง
ภายในนิทรรศการ ประกอบด้วย บริเวณพระที่นั่งทรงธรรม เป็นนิทรรศการพระราชาประวัติ พระราชกรณียกิจ และจิตรกรรมฝาผนังโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ชื่อ “พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์” บริเวณศาลาลูกขุน 6 หลัง เป็นนิทรรศการพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้าง ประกอบด้วยงานบูรณะปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ บริเวณทับเกษตร นำสัมผัสพระสุเมรุ ซึ่งจุดนี้จะเป็นนิทรรศการสัมผัสเพื่อผู้พิการทางสายตาเพื่อให้ผู้พิการได้มีโอกาสสัมผัสของจริงแทนการมองด้วยตา ส่วนผู้พิการทางการได้ยินมีจิตอาสานำชมด้วยภาษามือ
ภูมิทัศน์บริเวณด้านหน้าพระเมรุมาศ แสดงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เช่น พันธุ์ข้าวพระราชทาน หญ้าแฝก ต้นยางนา มะม่วงมหาชนก กังหันชัยพัฒนา ฝายน้ำล้น ส่วนนาข้าวจะมีขอบคันนาออกแบบเชิงเป็นเลขเก้าไทย
ทั้งนี้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะให้รถบริการประชาชน ตั้งแต่เวลา 05.00-23.00 น. ใน 6 เส้นทาง ได้แก่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิหัวลำโพง รอบเกาะรัตนโกสินทร์ เอกมัย สายใต้ใหม่ และหมอชิต 2 ซึ่งแต่ละเส้นทางจะมีรถให้บริการรับส่งฟรี เส้นทางละ 10 คัน