ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างหน่วยบัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐฯว่า กองทัพอากาศสหรัฐฯได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นบี-2 ลำหนึ่งจากฐานทัพอากาศไวท์แมนในรัฐมิสซูรี ไปปฏิบัติภารกิจในมหาสมุทรแปซิฟิค แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ามุ่งหน้ายังที่ใด แต่ก่อนหน้านี้ เครื่องบินรบดังกล่าวเคยบินจากฐานทัพอากาศแอนเดอร์เซน มุ่งหน้าไปยังเกาะกวม อาณาเขตสหรัฐฯในมหาสมุทรแปซิฟิคและเกาะดิเอโกการ์เซียในมหาสมุทรอินเดีย และเคยบินจากรัฐมิสซูรี เพื่อร่วมการซ้อมรบกับเกาหลีใต้เมื่อปี 2558
นอกจากนี้ กองทัพเรือสหรัฐฯได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำคือเรือยูเอสเอส นิมิตซ์และเรือยูเอสเอส ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ไปสมทบกับเรือยูเอสเอส โรนัลด์เรแกน ที่ประจำอยู่ในญี่ปุ่น ที่ผ่านมาสหรัฐฯได้ส่งเครื่องบินล่องหนรุ่นเอฟ-22และรุ่นบี-1 ไปร่วมงานแสดงการบินในเกาหลีใต้ในเดือนนี้ และกองทัพอากาศสหรัฐฯจะส่งเครื่องบินล่องหนรุ่นเอฟ-35 จำนวน 12 ลำเข้ามายังมหาสมุทรแปซิฟิคเป็นครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยจะประจำอยู่ที่ฐานทัพอากาศคาเดนะ บนเกาะโอกินาวา ทางภาคใต้ของญี่ปุ่น ด้านนักวิเคราะห์หลายคนระบุว่าอาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านั้นรวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน เรือดำน้ำ เครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นบี-2,บี-1,เอฟ-22 และเอฟ-35 จะมีบทบาทสำคัญมาก ถ้าหากว่าสหรัฐฯตัดสินใจโจมตีเกาหลีเหนือจริงๆ
ก่อนหน้านี้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดต่อเนื่องมาหลายเดือน แต่บัดนี้ดูเหมือนรัฐบาลเกาหลีเหนือจะเงียบอย่างผิดสังเกต โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เกาหลีเหนือปล่อยขีปนาวุธทั้งหมด 22 ลูกและทดสอบระเบิดไฮโดรเจนหรืออาวุธนิวเคลียร์อีก 1 ลูก และเคยขู่จะปล่อยขีปนาวุธโจมตีเกาะกวม แต่ปรากฏว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญๆที่นายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ พร้อมภริยาคือนางรี ซอล จู ไปเข้าร่วมตามที่สื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมคือการตรวจเยียมโรงงานผลิตเครื่องสำอางแห่งหนึ่งในกรุงเปียงยาง