+++การประชุมคณะอนุกรรมการฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 2-30 พ.ย.60 พล.ต.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้แทนแม่ทัพภาคที่1 เป็นประธาน เปิดเผยว่า กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง(กอร.รส.) ยังคงยึดขั้นตอนปฏิบัติแบบเดิมทุกอย่าง คือ ประชาชนที่จะเข้าชมพระเมรุมาศ ต้องผ่านจุดคัดกรอง 5 จุด ก่อนเข้าสู่ภายในท้องสนามหลวง ซึ่งจุดเข้าหลักจะอยู่ทางทิศเหนือติดสะพานปิ่นเกล้า เบื้องต้นเตรียมเต๊นท์รับรองไว้ 30 หลัง จุคนได้หลังละ 140 คน รวมทั้งหมด 3,000 - 4,000 คน โดยแต่ละรอบจะใช้เวลาเข้าชมพระเมรุมาศและอาคารประกอบ ราว 45 นาที โดยเจ้าหน้าที่จะแจกอาหารว่างและน้ำดื่มพระราชทาน โดยเบื้องต้นประเมินว่าใน 1 วัน จะสามารถเปิดให้เข้าชมได้ 14 ชั่วโมง คือตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 เฉลี่ยชั่วโมงละ 4,000 คน รวม 56,000 คนต่อวัน
+++ประชาชนจะเข้าชมพระพระเมรุมาศได้ 2 ด้าน คือซ้ายและขวา โดยสามารถขึ้นชมได้เพียงชั้นที่ 2 โดยเมื่อขึ้นไปแล้วจะต้องเดินออกด้านหลังพระเมรุมาศเท่านั้น นอกจากนี้ภายในอาคารนิทรรศการ ยังรองรับผู้พิการทางสายตาด้วย สำหรับผู้สูงอายุ-ผู้พิการจะเข้าพื้นที่สนามหลวงเหมือนกับบุคคลทั่วไป โดยจะมีวีลแชร์อำนวยความสะดวก ในส่วนพระภิกษุสงฆ์ จะมีทางเข้าโดยเฉพาะบริเวณฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมกันนี้พื้นที่ทางเดินรอบสนามหลวงติดตั้งเต๊นท์เพิ่มเพื่อรองรับประชาชนได้อีก 10,000 คนส่วนนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศที่ต้องการถ่ายภาพกับพระเมรุมาศ จะเปิดให้ใช้พื้นที่ถนนหน้าพระเมรุมาศ ใจกลางสนามหลวง ซึ่งสามารถเข้าชม พระบรมมหาราชวังต่อไปได้
+++ในอนาคตหากมีประชาชนเข้าชมมากขึ้น ก็จะติดตั้งเต๊นท์เพิ่ม และอาจต้องปรับลดเวลาต่างๆ ระยะแรกที่เปิดให้เข้าชมนั้นถือได้ว่าเป็นการทดลองปฏิบัติ ซึ่งจะต้องมีการปรับรูปแบบต่อไป บนหลักให้ประชาชนได้เข้าชมมากที่สุด ใช้เวลามากที่สุด สะดวกสบายที่สุด ส่วนการแต่งกายของประชาชนขอให้เป็นชุดสุภาพ เสื้อแขนยาว และกางเกงผ้าขายาว กระโปรงผ้า รองเท้าหุ้มส้น โดยกองทัพภาคที่1 จะดูแลด้านการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกประชาชน
+++สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน (30ต.ค.2560) ปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ ลดลงอย่างต่อเนื่อง เช้านี้วัดได้ 2,844 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำลดลงจากวานนี้ (29ต.ค.2560) 7 เซนติเมตร ส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาลดลงอยู่ที่ +17.20 เมตร(รทก.) ระดับน้ำลดลง 11 เซนติเมตร ปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ยังคงที่ในอัตรา 2,697 ลบ.ม./วินาที(เวลา 06.00 น.)ทำให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนจนถึงบริเวณจ.พระนครศรีอยุธยา ทรงตัว
+++ขณะเดียวกันในช่วงบ่ายของวันนี้(30ต.ค.60) ได้ลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาลง 50 ลบ.ม./วินาที เหลือ 2,647 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่ จ.ชัยนาท ไปจนถึงบริเวณพื้นที่ที่มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง คลองบางบาล แม่น้ำน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะลดลงตามลำดับในระยะต่อไป
+++สำหรับการนำน้ำออกจากทุ่งพื้นที่ลุ่มต่ำทั้งหมด ซึ่งปัจจุบัน(30ต.ค.2560) มีปริมาณน้ำในทุ่งรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 1,423 ล้าน ลบ.ม. กรมชลประทาน ได้วางแผนทยอยนำน้ำออกจากทุ่งแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2560 ไปจนถึงต้นเดือน ม.ค. 2561 โดยจะเริ่มตั้งแต่ทุ่งบางระกำก่อน จากนั้นจะไล่ลงมาจนถึงทุ่งสุดท้ายคือทุ่งโครงการฯโพธิ์พระยา เพื่อให้สอดคล้องกับการเพาะปลูกของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ การนำน้ำออกจากทุ่งต่างๆ จะใช้ระบบชลประทานในการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีนเป็นหลัก โดยจะควบคุมปริมาณน้ำไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ที่น้ำไหลผ่าน
+++บ่ายพรุ่งนี้ หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบอุทกภัยในจ.ขอนแก่น โดยในเวลา13.30น. นายกรัฐมนตรีออกเดินทางจากกรุงเทพฯไปยังท่าอากาศยานขอนแก่น เพื่อฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชน ก่อนที่ในเวลา14.50 น. จะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสถานการณ์ จากนั้นเวลา15.00น. นายกฯออกเดินทางด้วยขบวนรถจากโรงเรียนกีฬาจังหวัดขอนแก่น ไปบ้านคุยโพธิ์ หมู่6ต.บึงเนียมอ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น เพื่อไปดูการปฏิบัติงานปิดพนังคันดินคลองส่งน้ำชลประทาน รวมถึงตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน ก่อนที่เวลา15.45น. จะเดินทางต่อไปยังบ้านบึงสวาง หมู่5ต.บึงเนียม อ.เมืองขอนแก่น เพื่อเยี่ยมเยียนประชาชนและมอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯในเวลา17.00น.
+++การติดตามคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ต้องหาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฐานปล่อยปละละเลย ไม่ระงับยับยั้ง เป็นเหตุให้เกิดการทุจริตในโครงการจำนำข้าว พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้านความมั่นคง กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ตำรวจยังคงติดตามเบาะแสของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างต่อเนื่อง ทั้งสอบถามไปยังตำรวจสากล หรือ อินเตอร์โพล และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าทุก 7 วัน แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ยังไม่มีประเทศใดตอบกลับมาว่าพบเห็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ใด และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลการขอลี้ภัยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วย
+++น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึง กรณีที่พล.ต.อ.ศรีวราห์ ระบุว่ากระทรวงการต่างประเทศได้ยกเลิกหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวน 4 เล่ม ว่า เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง นับจากนี้ไป น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่มีหนังสือเดินทางไทยในการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ทั้งนี้ ทางกระทรวงฯได้ส่งหนังสือเวียนแจ้งให้สถานเอกอัครราชทูตไทยที่ประจำการในทั่วโลกรับทราบถึงคำสั่งดังกล่าวแล้ว เพื่อใช้แจ้งต่อรัฐบาลของประเทศนั้นๆว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เป็นผู้ถือพาสปอร์ตไทยอีกต่อไป
+++นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่า ในช่วงเช้าวันที่ 31 พ.ย.นี้กรธ.จะส่งร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ป.ป.ช.)ให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)พิจารณา ส่วนการแก้ไขตามที่คณะกรรมการป.ป.ช.ให้ข้อสังเกตกลับมาได้แก้ไขเกินครึ่ง ขณะที่ บทลงโทษที่ผูกมัดเจ้าหน้าที่กรณีทำหน้าที่ไม่เสร็จตามกรอบระยะเวลา กรธ.ได้แก้ไขให้สามารถขอขยายเวลาได้
+++ส่วนการทำงานของ กรธ.ขณะนี้กำลังพิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.แล้ว เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเพราะให้เจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ร่วมประชุมด้วยเพื่อซักถามหรือมีข้อสงสัยจะได้ถามได้
+++ขณะที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ 1 กล่าวภายหลังการเข้าหารือกับนายมีชัย ว่ามาประสานงานเรื่องกรอบเวลาของการพิจารณาร่างพ.ร.ป.ยืนยันตามกรอบเวลาเดิม โดยจะส่งร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) วันที่ 21 พ.ย.และส่งร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ซึ่งเป็นฉบับสุดท้ายให้สนช.ในวันที่ 28 พ.ย.นี้
+++การจัดงานลอยกระทงกรุงเทพมานคร 2560 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การจัดงานเทศกาลลอยกระทง ในปี2560 ในวันที่ 3 พ.ย.นี้ กทม.มุ่งเน้นการจัดงานเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีของชาติ โดยจะจัดงานบริเวณใต้สะพานพระรามแปด เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมสืบสานประเพณีไทย อย่างไรก็ตาม การลอยกระทงในปี 2560นี้ เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนคนไทยทุกคนพึ่งออกทุกข์ การจัดงานทุกพื้นที่ จะต้องคำนึงถึงความรื่นเริงในรูปแบบที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่า ประชาชนทุกคนรู้สำนึกว่าควรปฏิบัติตนอย่างไร ซึ่งขอให้ทุกคนช่วยกันดูแลซึ่งกันและให้ให้เหมาะสมมากที่สุด
+++กทม.เตรียมความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยอย่างรอบด้าน โดยได้สำรวจโป๊ะ ท่าเทียบเรือทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีทั้งสิ้น 422ท่า เป็นท่าในแม่น้ำเจ้าพระยารวม 241ท่า ซึ่งมีความมั่นคงแข็งแรง เปิดให้สามารถลอยกระทงได้ 190ท่า ส่วนอีก 51ท่านั้น มีสภาพชำรุดเสียหาย จึงต้องปิดการใช้งาน ส่วนท่าเรือในคลองต่างๆ มีจำนวน 181ท่า สามารถเปิดให้ลอยกระทงได้ 125ท่า และเป็นท่าที่ต้องปิดการใช้งาน 56ท่า รวมท่าเรือที่ชำรุดห้ามลอยกระทงจำนวน 107ท่า
+++กทม.เปิดพื้นที่สวนสาธารณะ30แห่งทั่วกรุงเทพฯ เพื่อให้ประชาชนเข้าไปลอยกระทง ตั้งแต่เวลา 05.00-24.00น. ส่วนสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และสวนหลวง ร.9 ไม่เปิดให้ประชาชนไปลอยกระทง โดยขอให้ประชาชนใช้กระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อสภาพแวดล้อม และร่วมกันลดจำนวนกระทงด้วยการลอย 1ครอบครัว 1กระทง เพื่อช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นอีกด้วย
+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดที่ 1,718.66 จุด เพิ่มขึ้น 2.63 จุด มูลค่าการซื้อขาย 63,223.79 ล้านบาท
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ โตเกียว ญี่ปุ่น ขยับขึ้น 3.22 จุด ปิดที่ 22,011.67 จุด ตลาดหุ้นโตเกียวปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ และการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ แม้จะมีกระแสคาดการณ์ว่า ทั้ง BOJ และเฟดจะคงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ก็ตาม
+++ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 102.66 จุด ปิดวันนี้ที่ 28,336.19 จุด นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ และการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ แม้จะมีกระแสคาดการณ์ว่า ทั้ง BOJ และเฟดจะคงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ก็ตาม
+++สำนักข่าวกลางเกาหลี ( เคซีเอ็นเอ ) กระบอกเสียงของรัฐบาลเปียงยาง รายงานภารกิจของนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ว่าได้เดินทางไปเยี่ยมชมสายงานการผลิตเครื่องสำอาง ที่โรงงานแห่งหนึ่งในกรุงเปียงยาง เมื่อวันอาทิตย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล และนางรี ซอล-จู ภริยา ถือเป็นครั้งที่ 2 ในเดือนนี้ ที่นายคิม จอง อึนออกงานร่วมกับนางรี ซอล จู หลังเมื่อช่วงกลางเดือนนี้ทั้งคู่เยี่ยมชมโรงงานผลิตรองเท้าแห่งหนึ่งด้วยกัน
+++นอกจากนี้ นายคิม จอง อึน ส่งหนังสือถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แสดงความยินดีที่ผู้นำจีน ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่ออีกอย่างน้อย 1 สมัย หรือ 5 ปี และระบุถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับทวิภาคี
+++ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ มีกำหนดเดินสายเยือนหลายประเทศในเอเชีย ที่รวมถึงเกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 3-14 พ.ย. และพล.อ. เจมส์ แมตทิส รมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐ เยือนกรุงโซล เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ได้เดินทางไปยังเขตปลอดทหาร ( ดีเอ็มซี ) เพื่อประกาศย้ำว่า รัฐบาลสหรัฐฯไม่มีทางยอมรับเกาหลีเหนือในฐานะรัฐนิวเคลียร์
แฟ้มภาพ