ประธานาธิบดีทรัมป์อนุญาตให้เปิดเผยแฟ้มลับการสอบสวนคดีลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีเคนเนดี

22 ตุลาคม 2560, 13:12น.


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ทวีตข้อความระบุว่า จะอนุญาตให้มีการเปิดเผยแฟ้มลับการสอบสวนคดีลอบสังหารประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี หรือ เจเอฟเค ที่เมืองดัลลัส เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2506 ออกสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรก เพื่อความโปร่งใสเต็มที่ เว้นแต่หน่วยงานต่างๆ จะให้เหตุผลด้านความมั่นคงหรือการบังคับใช้กฎหมายที่ชัดเจนสมควร



ตามกฎระเบียบของรัฐสภา เอกสารคดีลอบสังหารทุกชนิดจะต้องเปิดเผยเมื่อหมดอายุความครบ 25 ปี แต่ประธานาธิบดีมีสิทธิ์ใช้อำนาจยับยั้งได้ หากเห็นเป็นภัยต่อความมั่นคง ข่าวกรอง หรือราชการลับ ตลอดจนถึงปฏิบัติการทางทหาร การบังคับใช้กฎหมาย หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยหอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ มีกำหนดจะต้องเปิดเผยแฟ้มสอบสวนคดี ทั้งเอกสาร 3,100 หน้าที่ไม่เคยเผยแพร่สู่สาธารณชนมาก่อน และอีกกว่า 30,000 หน้าที่เคยเผยแพร่มาแล้ว แต่เป็นฉบับย่อในวันที่ 26 ตุลาคมนี้



การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจเรื่องนี้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบรับในเชิงบวก อาทิ นายแลร์รี แซเบโท ผอ.ศูนย์ศึกษาการเมือง มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ซึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับคดีเจเอฟเค ชื่นชมว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว พร้อมเห็นว่า ไม่ควรให้อภิสิทธิ์แก่หน่วยงานใดของรัฐบาล เช่นเดียวกับโอลิเวอร์ สโตน ผู้กำกับคนดังที่เคยสร้างภาพยนตร์เรื่องเจเอฟเค ก็โพสต์ข้อความแสดงความดีใจเช่นกัน โดยยังมีนักวิชาการอีกหลายคนที่ศึกษาคดีนี้ต่างเชื่อว่า ยังมีเอกสารในแฟ้มลับของคดีที่จะยืนยันได้ว่า นายลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ มือสังหาร ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในสหภาพโซเวียต เดินทางไปเม็กซิโกก่อนลงมือ โดยได้เข้าไปยังสถานทูตสหภาพโซเวียตและคิวบา



โดยในคดีนี้ ผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ ระบุว่า มือปืนกระทำโดยลำพัง โดยยิงปืน 2 นัดทะลุเข้าที่หลังด้านบนและศีรษะ ขณะที่ข้อมูลที่เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ระบุว่า สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA เชื่อว่า นายออสวอลด์ได้แรงบันดาลใจสังหาร หลังอ่านบทความของสำนักข่าวเอพีที่ลงข้อความของ พล.อ.ฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบาในขณะนั้น พูดว่า ผู้นำสหรัฐฯ จะตกอยู่ในอันตรายแน่หากเกี่ยวข้องกับความพยายามที่จะกำจัดผู้นำคิวบา ส่วนคณะกรรมาธิการสืบสวนพิเศษของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ สรุปว่า เหตุการณ์ลอบสังหารเกิดจากการสมคบคิด โดยมีความเป็นไปได้ว่ามีมือปืน 2 คน ส่วนนายออสวอลด์ ซึ่งถูกจับกุมหลังฆาตกรรมเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองดัลลัสใน 2 ชั่วโมงต่อมา ถูกยิงเสียชีวิต 2 วันต่อมา โดยนายแจ็ค รูบี้ เจ้าของไนต์คลับขณะส่งตัวจากเรือนจำในเมือง



..

(1240 F171)

ข่าวทั้งหมด

X