+++การจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในต่างประเทศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การจัดเตรียมงานในต่างประเทศทั่วโลก ขณะนี้มีความพร้อมแล้ว ทั้งในสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ไทยในต่างประเทศทั้ง 94 แห่ง สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ ที่ตั้งอยู่ในเขตเวลาใกล้เคียงกับประเทศไทย จะจัดในเวลาเดียวกัน คือ เวลา 17.30 น. ส่วนประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตเวลาห่างกับประเทศไทย จะจัดพิธีในเวลาที่เหมาะสม แต่จะไม่จัดก่อนพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในประเทศไทย ทั้งนี้จะมีการถ่ายทอดสดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ จากประเทศไทย เพื่อให้คนไทยและชาวต่างชาติที่เข้าร่วมพิธีได้ชมบรรยากาศได้อย่างทั่วถึง เสมือนอยู่ในบรรยากาศของพระราชพิธีจริง
+++ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นตัวแทนรับหีบเพลิงพระราชทาน เพื่ออัญเชิญหีบเพลิงพระราชทานไปยังสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ ทั้ง 94 แห่งทั่วประเทศ เพื่อใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในวันที่ 26 ตุลาคม ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยจะเป็นประธาน ในพิธีวางหีบเพลิงพระราชทานในพิธีถวายดอกไม้จันทน์ในต่างประเทศ โดยดอกไม้จันทน์ที่ประชาชนได้ถวายจะถูกนำส่งกลับมายังกระทรวงการต่างประเทศไทย เพื่อส่งมอบให้สำนักพระราชวังดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดไว้ต่อไป สำหรับบุคคลสำคัญจากนานาประเทศที่จะเดินทางมาร่วมงานพระราชพิธี ได้รับรายงาน ณ วันที่ 18 ตุลาคม ว่า มี 32 ประเทศ
+++หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร , น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง ,น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ ,นายกริช วิปุลานุสาสน์ ทั้งสามเป็นอดีต ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรยานายทักษิณ ชินวัตร เป็นจำเลยที่ 1 - 5 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ล่าสุด มีคำตัดสินยืนคุก 3 ปีไม่รอลงอาญานางเบญจา
+++ทั้งหมดร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อไม่ให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากรหรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควร โดยชอบด้วยกฎหมาย จากกรณีเมื่อปี 2549 นายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา ซื้อหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด คนละ 164,600,000 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นๆละ 49.25 บาท ถือได้ว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีส่วนต่างราคาหุ้น คนละ 7,941,950,000 บาท
+++ช่วงเย็นญาตินางเบญจากับพวกรวม 5 คน ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวระหว่างฎีกา และศาลอาญาคดีทุจริตฯ ได้ส่งคำร้องของจำเลยให้ศาลฎีกา พิจารณาทันที ปรากฏว่าศาลฎีกายังไม่มีคำสั่งเรื่องการขอปล่อยชั่วคราวของนางเบญจากับพวก ทำให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องคุมตัวจำเลยทั้งหมดแยกไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯและทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป ส่วนคำสั่งเรื่องการขอปล่อยตัวชั่วคราว มีรายงานแจ้งว่า มีความเป็นไปได้ที่ศาลฎีกาอาจจะพิจารณา และส่งคำสั่งกลับมายังศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภายในวันที่ 20 ต.ค.นี้
+++การส่งออกของไทยในเดือนกันยายน นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 โดยมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21,812 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ขยายตัว ร้อยละ 12.2 หลังการส่งออกสินค้าเกษตร ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่11 ที่ร้อยละ 7.9 และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ที่ร้อยละ12.5 ประกอบกับกำลังซื้อของประเทศคู่ค้า และภาวะเศรษฐกิจของตลาดหลักดีขึ้น ทำให้ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกของไทย มีมูลค่าสูงถึงกว่า 1 แสน 75,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือขยายตัว ร้อยละ 9.3 โดยเป็นอัตราขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 6 ปี ดังนั้น จึงมั่นใจว่า จะสามารถผลักดันให้การส่งออกตลอดทั้งปีนี้ ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 8 มากกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 7
+++ส่วนการนำเข้าในเดือนกันยายน 2560 มีมูลค่ากว่า 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 9.7 ทำให้ดุลการค้าในเดือนกันยายน 60 เกินดุล 3,358 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ภาพรวมการค้าของไทย 9 เดือนแรกของปี ยังคงเกินดุลอยู่ กว่า 12,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปิด1,683.43 ล้านบาท ลดลง 24.10จุด มูลค่าการซื้อขาย 79,724.67 ล้านบาท นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาก หลังจากที่ดัชนีปรับขึ้นไปมากแล้วก่อนหน้านี้ โดยเป็นแรงขายหุ้นบิ๊กแคป คาดว่าเป็นแรงขายจากกองทุน และต่างชาติ และยิ่งเมื่อดัชนีหลุดแนวจิตวิทยา 1,700 จุดก็ทำให้มีแรงขายตามมามากขึ้น แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ ตลาด อาจจะเป็นลักษณะซึม ๆ และมีโอกาสพักฐานต่อได้
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียวญี่ปุ่น ร่วงลง 552.67 จุด ปิดที่ 28,159.09 จุด
+++ดัชนีฮั่งเส็งร่วงลง 552.67 จุด ปิดที่ 28,159.09 จุด ตลาดหุ้นฮ่องกง ยังปรับตัวลงหลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผย ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2560 ขยายตัวร้อยละ 6.8 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2560 ที่ขยายตัวร้อยละ 6.9
+++เอเอฟพี รายงานอ้างนายฮเตย์ ลวิน จากกลุ่มบริษัทฮตู กรุ๊ป เจ้าของโรงแรมกันดอจี พาเลซในนครย่างกุ้ง เมียนมาว่า มีคนเสียชีวิต 1 ศพและมีคนบาดเจ็บ 2 คนหลังไฟลุกไหม้โรงแรมกันดอจี พาเลซ โรงแรมหรูที่ทำจากไม้สักทั้งหลังเมื่อเวลา 03.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ สร้างความเสียหายให้กับโรงแรมริมหาดแห่งนี้ ซึ่งนิยมเข้าพักของบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติ สำหรับศพที่เก็บกู้มาได้แล้วนั้น เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลเพื่อให้ทราบว่าเป็นใคร
+++ทีมดับเพลิงหลายร้อยคนพยายามจะช่วยกันดับไฟ แต่ยังไม่สามารถจะดับไฟทั้งหมด สำหรับสาเหตุของไฟไหม้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ขณะเกิดเหตุมีผู้เข้าพักที่โรงแรมราว 140 คน เจ้าหน้าที่ของโรงแรมได้ประสานเรื่องการจัดหาที่พักในโรงแรมอื่นๆในย่านใกล้เคียงให้กับผู้เข้าพักในโรงแรมที่เกิดไฟไหม้
แฟ้มภาพ