ศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้น จำคุก3ปี ไม่รอลงอาญา อดีตรมช.คลังและพวก ช่วยโอ๊ค-เอม เลี่ยงภาษี

19 ตุลาคม 2560, 15:25น.


ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร , น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง  , น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต  , นายกริช วิปุลานุสาสน์  ทั้งสามเป็นอดีต ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร  กระทรวงการคลัง และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร  เป็นจำเลยที่ 1 - 5 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157



ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว โดยพิจารณาคำอุทธรณ์ของจำเลยทุกประเด็นทั้งเรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์และ ประเด็นว่าการตอบข้อหารือของจำเลยที่ทำหนังสือสอบถามกรมสรรพากร ก่อนทำให้เกิดความเสียหายแก่กรมสรรพากรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ กับเหตุผลสมควรลงโทษสถานเบาหรือให้รอการลงโทษจำคุกหรือไม่ โดยศาลอุทธรณ์ เห็นว่าทุกประเด็นในคำอุทธรณ์ของ จำเลยทั้งห้าฟังไม่ขึ้น ที่ศาลชั้นต้น ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งห้า โดยไม่รอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย โดยตามสภาพความผิดของจำเลยทั้งห้าเป็นการกระทำโดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายและความน่าเชื่อถือในการจัดเก็บภาษีอากรของประเทศชาติ พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน อย่างไรก็ดี ขณะนี้มีรายงานว่าจำเลยทั้งห้ากำลังเตรียมยื่นคำร้องขอประกันตัวในชั้นฎีกาด้วย



ทั้งนี้ ป.ป.ช. ฝ่ายโจทก์  นำคดียื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2558  ระบุพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า จำเลยที่ 1 - 4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อไม่ให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากรหรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควร โดยชอบด้วยกฎหมาย จากกรณีเมื่อปี 2549 นายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา ซื้อหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด คนละ 164,600,000 หุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นๆละ 49.25 บาท ถือได้ว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีส่วนต่างราคาหุ้น คนละ 7,941,950,000 บาท ซึ่งการกระทำของพวกจำเลยดังกล่าวทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และราชการได้รับความเสียหาย  จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.2559 เห็นว่า นางเบญจา อดีต รมช.คลัง  , น.ส.จำรัส , น.ส.โมรีรัตน์  และนายกริช อดีตผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร จำเลยที่ 1-4 มีความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 83 ให้จำคุกคนละ 3 ปี



ส่วน น.ส.ปราณี คนใกล้ชิด เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 86 มีโทษ 2 ใน 3 จึงให้จำคุก 2 ปี เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีของจำเลยทั้งหมดไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ ต่อมาจำเลยทั้งห้า ยื่นอุทธรณ์คดี และได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์คดี คนละ 300,000 บาท โดยไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ



แฟ้มภาพ 



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X