การจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดขณะกำลังลำเลียงผ่านทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปยังประเทศเพื่อนบ้าน พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจ ร่วมกับพลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าว หลัง สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดระดมกวาดล้างอาชญากรรมยาเสพติดและอาวุธปืนในช่วงก่อนงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาค3 และภาค4 ให้เพิ่มความเข้มงวดในการตั้งจุดตรวจจุดสกัด เนื่องจากมีข้อมูลว่ากลุ่มขบวนการยาเสพติดปรับเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งลำเลียงยาเสพติดผ่านสปป.ลาวและเข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย จึงมีการสั่งให้แต่ละพื้นที่ปรับแผนในการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
จนกระทั่งเมื่อวันที่15ตุลาคม เจ้าหน้าตำรวจสภ.บัวใหญ่ พบรถกระบะต้องสงสัยขับหลบหนีด่านตรวจสกัดพื้นที่ สภ.สีดาจังหวัดนครราชสีมา ต่อมาช่วงเที่ยงวันของวันที่16ตุลาคม ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบรถต้องสงสัยคันดังกล่าวจอดทิ้งไว้บริเวณข้างวัดหนองเชียงโข่ ตำบลกุดจอก อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นพบยาไอซ์จำนวน508กิโลกรัม บรรจุอยู่ในกระสอบถุงปุ๋ย จำนวน 11 ถุงปุ๋ย
จากนั้นชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงพบนายทินกร ค่อมสิงห์ มีลักษณะต้องสงสัย จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำ โดยนายทินกร รับสารภาพว่า เป็นผู้รับจ้างลำเลียงยาเสพติดล็อตนี้กับเพื่อนอีกคนที่หลบหนีไปได้ โดยมีค่าจ้าง200,000บาท ซึ่งตั้งใจนำส่งในพื้นที่ภาคกลาง แต่ยังไม่ทราบว่าให้ไปส่งที่ใด คาดว่าน่าจะเตรียมส่งไปยังภาคใต้ และส่งไปขายต่อยังประเทศเพื่อนบ้านอีกที
หลังจากนี้ชุดฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างการขยายผลตามจับกุมผู้ต้องหาอีกรายที่ร่วมกับนายทินกรในการลำเลียงยาเสพติด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การจับกุมยึดยาเสพติดครั้งนี้เป็นล็อตใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับกุมได้ และเป็นไปได้ว่าอาจจจะมาจากกลุ่มว้าใต้ โดยยาเสพติดล็อตนี้หากจำหน่ายในประเทศไทยจะมีมูลค่ากว่าพันล้านบาท แต่หากออกไปยังประเทศที่3 จะมีมูลค่ามากถึงหมื่นล้านบาท
สำหรับสารตั้งต้นที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) พยายามสกัดกั้นสารตั้งต้นและได้ผลดีในระดับหนึ่ง แต่อาจมีการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศอีก ซึ่งป.ป.ส. ได้พยายามเฝ้าติดตามการเลือกใช้สารตั้งต้นจากสารเคมีชนิดอื่นของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดมาโดยตลอด เพื่อติดตามเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการนำสารตั้งตั้นลักลอบนำเข้าประเทศได้