+++พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ พระราชพิธีถวายพระเพลิงบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กล่าววว่า งานก่อสร้างพระเมรุมาศ และสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว โดยในส่วนของพระเมรุมาศยังเหลือนั่งร้านไว้ตรงกลาง และในวันพรุ่งนี้ 17 ต.ค. จะซักซ้อมยกพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร เมื่อพิธียกพระนพปฎลมหาเศวตฉัตรแล้วเสร็จ จะยกนั่งร้านออก ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ ก่อนเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าชมความสมบูรณ์ของการก่อสร้างในวันที่ 20 ต.ค. นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับมือกับฝนที่ตกหนักไว้แล้ว จะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ เพราะได้ลอกท่อเพื่อการระบายน้ำให้เร็ว ส่วนเรื่องดอกไม้ในวันพระราชพิธีจะบานสะพรั่งทันที ซึ่งดอกไม้และข้าวที่ปลูกจะอยู่ได้นานถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงจัดนิทรรศการให้ประชาชนได้เข้าชม
+++สำหรับการซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวานนี้ 15 ต.ค. รองนายกฯ ระบุว่า ภาคใหญ่ถือว่าเหมาะสมแล้ว มีแก้ไขบางจุดให้ดีมากยิ่งขึ้น ทุกอย่างถือว่าสมพระเกียรติ ทุกคนในริ้วขบวนมีความพร้อม จึงไม่มีสิ่งใดน่ากังวล หลังเสร็จงานพระราชพิธีฯ จะมีนิทรรศการ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศเข้าเยี่ยมชมได้ โดยเปิดจุดทางเข้าพื้นที่สนามหลวง 5 จุด คนไทยเปิดเข้าใน 3 จุด คนพิการ พระสงฆ์ 1 จุด และนักท่องเที่ยว อีก 1จุด สำหรับนักท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีศูนย์ประสานงานตอบข้อซักถามภายใน 24 ชั่วโมง งานทุกอย่างขณะนี้มีความพร้อม100 เปอร์เซ็นต์แล้วและเสร็จก่อนเวลาที่กำหนด
+++นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ระหว่างการเคลื่อนริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 2 เสียงกลองดังไม่ค่อยชัด โดยมีเสียงซ้อนกับเสียงปี่พาทย์ และเสียงอื่นๆ แต่ทุกคนยังเดินจังหวะเปลี่ยนเท้าได้ต่อไป แต่เมื่อเข้าสู่การเปลี่ยนเข้าริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 3 ที่เป็นการเวียนรอบพระเมรุมาศ ในส่วนนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้มีรับสั่งกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า ต้องปรับการบรรเลงดนตรีที่ประกอบไปด้วย 3 ส่วน คือ การบรรเลงเพลงบัวลอย กลองใหญ่ ปี่พาทย์ โดยสมเด็จพระเทพฯ รับสั่งว่าด้านหลังขบวนไม่ได้ยินเสียงจากจังหวะกลองเลย จึงจะขอให้ใช้เสียงกลองใหญ่เป็นเสียงนำ โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับเรื่องนี้ไปดำเนินการปรับปรุง ทั้งนี้ ที่จะมีการซ้อมใหญ่เสมือนจริงในวันที่ 21 ต.ค.นี้น่าจะได้มีการปรับปรุงเรื่องดังกล่าว และทุกอย่างจะมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้น
+++ปลัดสปน. กล่าวว่า สำหรับการเข้าพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเริ่มจำกัดตั้งแต่คืนวันที่ 25 ต.ค. โดยจะยกเลิกการเข้าพื้นที่ด้วยบัตรต่างๆ ที่มีอยู่ โดยจะจำกัดให้เฉพาะผู้ที่ต้องเข้ามาปฏิบัติหน้าที่และจะมีการใช้บัตรผ่านที่ทำขึ้นเป็นการเฉพาะ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ได้กำหนดจุดรวมพล และผู้ที่จะขับรถเข้าไปยังจุดรวมพลต้องมีบัตรผ่านเฉพาะที่ระบุว่าจะสามารถจอดรถสถานที่ใดได้บ้างตามที่กำหนดในบัตรดังกล่าว จากนั้นจะมีการจัดรถชัตเทิลบัสเข้าไปส่งในพื้นที่ท้องสนามหลวง
+++เรื่องสภาพอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยยังมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ทั้งนี้ พายุดีเปรสชัน ขนุน (KHANUN) ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ยแล้ว เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามและลาวตอนบน โดยพายุนี้ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย
+++เมื่อเวลา 15.00 น. เพจ Gen.Prayut Chan-o-cha ทีมงาน ได้เผยแพร่ ว่า นายกฯ เรียกพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าหารือวงเล็กเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการระบายน้ำ การผันน้ำตะวันตก-ตะวันออก เส้นทางใหม่ระบายน้ำลงอ่าวไทย รวมทั้งแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ประสบอุทกภัยในขณะนี้
+++กรณีที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เอาผิดทางวินัย พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 เกี่ยวข้องพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผบช.น. ในฐานะหัวหน้าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เปิดเผยว่า คณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ผิดวินัยร้ายแรง เพราะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการอย่างร้ายแรงผิดตาม ม.79 (6) โดยจะสรุปสำนวนเสนอให้ พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช รรท.ผบช.น. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ที่จะอุทธรณ์ภายหลัง จากที่มีการพิจารณาจากคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยของบช.น. แล้ว และหลังจากที่ พล.ต.ท.ชาญเทพ ตั้งแต่งคณะกรรมการสอบสวนวินัยแล้วเสร็จ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการพิจารณาตั้งคณะกรรมการอีกครั้ง ส่วนของการใช้รถ สน.ปทุมวัน ดำเนินการสอบสวนอยู่ รวมถึงกรณีของอดีตนายกรัฐมนตรี จากการตรวจสอบล่าสุดในขณะนี้ ดีเอ็นเอไม่ตรงกับพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ไล่ติดตามเร่งหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป
+++สถานการณ์เศรษฐกิจ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เตรียมปรับประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยใหม่ภายในเดือนตุลาคมนี้ คาดจีพีดีขยายตัวใกล้ร้อยละ 4 เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแล้ว ขณะที่ หลายหน่วยงานปรับประมาณการจีดีพีปีนี้ใหม่มาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.8 ปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี คือ การลงทุนของภาคเอกชน พร้อมเตรียมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำเงินงบประมาณที่เกินดุลทุกปีรวมกว่า 1แสนล้านบาท มาลงทุนพัฒนาท้องถิ่น เพื่อให้เกิดการกระจายตัวทางเศรษฐกิจทุกภาค ขณะที่การลงทุนภาครัฐมองว่าไม่น่าจะมีปัญหา
+++ส่วนมาตรการช้อปช่วยชาติกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโค้งสุดท้ายของปี ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จำเป็นต้องมีการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกครั้งว่าสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันมีความจำเป็นมากน้อยเพียงใดในการใช้มาตรการดังกล่าว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
+++การลงทุนในตลาดหุ้นไทย ปิดที่ 1,726.67 จุด เพิ่มขึ้น 14.19 จุด มูลค่าการซื้อขาย 66,894.62 ล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังได้รับผลเชิงบวก หลังจากนายกรัฐมนตรีประกาศจะมีการประกาศวันเลือกตั้งเดือนมิถุนายน 2561 และจะจัดการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน 2561 รวมทั้งปัจจัยหนุนเงินต่างชาติ ซึ่งมีแนวโน้มไหลเข้ามาต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นในช่วงนี้เป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน
+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 216.37 จุด ปิดที่ 28,692.80 จุด นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 7 ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน มีกำหนดจะเปิดเผย GDP ประจำไตรมาส 3 ในวันพฤหัสบดีนี้
+++ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 100.38 จุด ปิดที่ 21,255.56 จุด ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีที่ดัชนีนิกเกอิปิดบวกติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 10 วัน โดยได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทที่ดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ และจากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่ส่งเช้าหนุนตลาดอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการบริษัทญี่ปุ่น บรรยากาศการซื้อขายยังได้แรงหนุนหลังจากโพลล์สำรวจของสื่อญี่ปุ่นระบุว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ จะได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นในวันอาทิตย์ที่ 22 ต.ค.นี้
+++พายุโซนร้อนโอฟีเลียเริ่มกระหน่ำชายฝั่งทางใต้ของไอร์แลนด์แล้ว สำนักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติไอร์แลนด์แจ้งว่า พายุโอฟีเลีย ขึ้นฝั่งตอนใต้ของไอร์แลนด์หลังเวลา 10.40 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลา 16.40 น.วันนี้ตามเวลาในไทย กระแสลมแรงถึง 176 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีการเตือนให้ประชาชนอยู่แต่ในอาคารเพราะกระแสลมอาจทำอันตรายถึงชีวิตได้ รัฐบาลประเมินว่า พายุลูกนี้จะรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เฮอริเคนเดบบีถล่มไอร์แลนด์เมื่อปี 2504 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ศพ
+++มีรายงานว่า มีบ้านเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้แล้วอย่างน้อย 15,000 หลัง เที่ยวบินออกจากท่าอากาศยานดับลินถูกยกเลิก 130 เที่ยว โรงเรียน โรงพยาบาล และบริการรถโดยสารสาธารณะหยุดให้บริการ ขณะที่กองทัพส่งกำลังพลไปเสริมสร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วม เพราะพายุทำให้เกิดคลื่นในทะลสูงถึง 10 เมตร
CR:คลังภาพ ทำเนียบรัฐบาล