*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา08.30น.*

15 สิงหาคม 2557, 08:55น.


+++ภาคเอกชนเตรียมพร้อมหาตลาดใหม่ หลังจากที่นางดวงกมล เจียมบุตร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (อียู) ได้ระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) แก่ไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม แต่ให้มีการปรับตัว 1 ปี ทำให้สินค้าไทย ยังคงได้รับสิทธิจีเอสพีจนถึงสิ้นปี 2557 และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป จะเสียภาษีอัตรานำเข้าปกติ ทำให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไปตลาดอียูสูงขึ้น ทั้งนี้ กรมได้เตรียมแนวทางในการรับมือ โดยจะผลักดันให้ผู้ประกอบการหันไปส่งออกตลาดอื่นทดแทน เช่น จีน เกาหลีใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอาเซียนให้มากขึ้น ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการทำตลาดต่อเนื่อง และแนะนำให้ผู้ประกอบการยังต้องพึ่งพาตลาดอียู เพิ่มการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ที่ยังคงได้รับสิทธิจีเอสพีอยู่ แล้วใช้ประโยชน์ในการส่งออก



+++นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการ หอการค้าไทย กล่าวว่า เอกชนได้รับรู้และเตรียมพร้อมรับการถูกตัดสิทธิจีเอสพีแล้ว มีการปรับตัวกันมาตลอด ไม่น่าจะมีอะไรน่ากังวล         



+++นโยบายเรื่องพลังงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) ประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ นัดแรกเพื่อพิจารณาแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับใหม่ ระยะ20 ปี พ.ศ. 2558-2578 ต้องจับตาแนวทางจัดหาโรงไฟฟ้าให้พอ



+++แนวทางฟื้นฟูปรับโครงสร้าง รัฐวิสาหกิจพล.อ.ประยุทธ์  ประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (ซุปเปอร์บอร์ด) เน้นว่า รัฐวิสาหกิจต้องมุ่งสู่การบริการอย่างแท้จริง โดยการจัดระเบียบกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่มีกำไร เพื่อนำไปสนับสนุนงานด้านอื่นๆ ให้มากขึ้น เพื่อให้กลุ่มรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้น้อยหรือขาดทุนสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ไม่ให้เกิดสภาวะการหยุดชะงัก



+++นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เห็นชอบการปรับสิทธิประโยชน์ของบอร์ดรัฐวิสาหกิจ โดยรับเพียงเบี้ยประชุมและรายจ่ายประจำ เช่น การบินไทยยกเลิกการรับตั๋วฟรี ปรับลดงบลงทุนปี 2557 จำนวน 10 แห่ง เพื่อใช้เงินลงทุนอย่างคุ้มค่า โดยลดลงจาก 54,000 ล้านบาท เหลือ 46,333 ล้านบาท หรือลดลง 7,767 ล้านบาท



+++ภาพรวมเศรษฐกิจ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำลังรวบรวมแผนงานและนโยบายที่คสช. ได้ดำเนินการไปตั้งแต่วันที่  22 พ.ค. รวมถึงโครงการเร่งด่วนของทุกส่วนราชการ เพื่อจัดทำเป็นร่างนโยบายเสนอรัฐบาลใหม่พิจารณาเป็นแนวทางขับเคลื่อนประเทศ โดยเน้นเรื่องการเพิ่มศักยภาพของประเทศในด้านที่มีความสำคัญ มากกว่ามุ่งเน้นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศเพียงอย่างเดียว แนวนโยบายที่เสนอรัฐบาลใหม่ คือโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม และระบบโลจิสติกส์ ต้องมีศักยภาพกว่าปัจจุบัน  ภาคอุตสาหกรรมต้องเข้มแข็ง ผลิตสินค้าใหม่ ๆ ไม่ผลิตสินค้าแข่งกับประเทศที่ผลิตสินค้าราคาถูก  แก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน  พัฒนาคุณภาพของคนให้มีศักยภาพ เน้นเรื่องการศึกษาให้มีเด็กที่เก่งอย่างทั่วถึง ผลิตบุคลากรให้ตรงกับความต้องการตลาด และเร่งส่งเสริมการใช้ประโยชน์ของนวัตกรรมเข้ามาผลิตสินค้าด้วย



+++โครงการรถคันแรกหลังจากโครงการสิ้นสุดลง เมื่อปลายปี 2555  นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต พบว่ากรมกำลังติดตามเงินคืนจากผู้เข้าร่วมโครงการ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2556 จากเดิมที่มีเพียง 10-20 ราย กลับเพิ่มเป็น 511 ราย หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50 เท่า ในปี 2557 โดยมีทั้งการปฏิบัติผิดเงื่อนไข 485 ราย มีขอผ่อนชำระคืน 5 ราย และส่งเอกสารให้กรมบัญชีกลางฟ้องร้อง 21 ราย เนื่องจากประชาชนที่เข้าร่วมในโครงการไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดกับบริษัทสินเชื่อเช่าซื้อ หรือลีสซิ่งได้ และไม่ได้ถือครองรถยนต์ครบ 5 ปี ตามเงื่อนไขของโครงการที่กำหนดไว้  มองว่าตัวเลขการนำเงินมาคืนให้กรมฯ ประมาณ 511 ราย จากผู้ที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 1.25 ล้านราย ถือเป็นสัดส่วนที่น้อย เพราะผู้ที่ได้รับสิทธิ แต่นำเงินมาคืนอาจมีเหตุผลทางการเงินที่ไม่สามารถผ่อนชำระต่อ และครอบครองรถยนต์ครบตามเวลากำหนดไว้ รวมทั้งบางรายต้องการที่จะเปลี่ยนรถยนต์รุ่นใหม่ ทำให้ต้องนำเงินมาคืนให้กับกรมฯ เพื่อไม่ให้ถูกฟ้องร้อง  สำหรับจำนวนผู้ที่ยังไม่รับรถยนต์เหลืออยู่ทั้งสิ้น 1 แสน 14,355 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 9.22 จากจำนวนผู้เข้าโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านราย คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 91,489 ล้านบาท โดยที่ผ่านมามีผู้ได้รับเงินคืนไปแล้วรวม 1.06 ล้านราย คิดเป็นเงิน 77,848 ล้านบาท และในเดือน ส.ค. ที่จ่ายเงินคืนไปแล้วแต่ยังไม่ครบมีบางส่วนที่ตรวจสอบเอกสารล่าช้าทำให้ต้องจ่ายเงินอีกงวดในวันที่ 15 ส.ค.นี้ กว่า 400 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2557 ยังเหลือของเดือน ก.ย. อีกงวดที่รอจ่ายอีก 600 ล้านบาท



+++บ่ายนี้ พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประชุมคณะทำงานเพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีอุ้มบุญ เด็ก9 คนที่ตรวจพบที่คอนโดย่านลาดพร้าว พล.ต.ท.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป7) เป็นประธานประชุม เร่งรัดในการทำสำนวนเร่งด่วนในคดีอุ้มบุญ ขณะที่ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นัดประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กวาระพิเศษ เพื่อพิจารณาถึงปัญหาอุ้มบุญ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ขยายผลการเชื่อมโยงกับ คลินิกนิวไลฟ์ ไอวีเอฟ ไทยแลนด์ ชั้น 18 อาคารบางกอก ซิตี้ ทาวเวอร์ ถนนสาทร เนื่องจากเป็นคลินิกที่ไม่ถูกต้องและยังใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ซึ่งไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับราชวิทยาลัยสูตินารีแพทย์แห่งประเทศไทย และผิดตามของประกาศแพทยสภา ในคลินิกพบเพียงแต่แพทย์เจ้าของสถานพยาบาลและเจ้าหน้าที่ จากนี้จะแจ้งข้อกล่าวหากับสถานพยาบาลแห่งนี้ และจะให้แพทยสภาดำเนินการต่อไป รวมทั้งจะสั่งปิดสถานพยาบาลด้วย เนื่องจากเปิดให้บริการอย่างผิดกฎหมาย



+++ตำรวจภูธรภาค 1 กวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ 268 แห่ง 403 เป้าหมาย พบยาบ้าแบบใหม่ มีกลิ่นดอกมะลิแปลกกว่าลอตอื่น ๆ คาดเป็นฝีมือขบวนการค้ายานำเข้าแล้วมาผสมดับกลิ่นเดิม เจ้าหน้าที่เตรียมนำไปตรวจสอบหาสารตั้งต้น เจ้าหน้าที่ขยายผลหลังตรวจค้นบ้านนายสุพิน มูรินทร์ ที่ จ.สระบุรี ซึ่งนอกจากจะพบอาวุธปืนยาว 1 กระบอกแล้ว ยังพบยาบ้า 20,000 เม็ด มีลักษณะที่แตกต่างไปจากเดิมถือว่าเป็นแบบใหม่ มีสัญลักษณ์ตราเสือโคร่งอยู่บนหีบห่อ คาดว่า จะมีการนำยาเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านแล้วนำมาผสมส่วนประกอบใหม่และความพิเศษของยาบ้าชนิดนี้ คือ มีกลิ่นมะลิด้วย ซึ่งจะต้องนำตัวยาไปตรวจสอบว่ามีสารอะไรที่เพิ่มหรือแตกต่างจากยาบ้าทั่วไปหรือไม่ โดยจากการตรวจสอบขณะนี้พบได้ว่ายาเสพติดจะเข้ามาทางด่านทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก่อนจะมาพักยาที่ จ.สมุทร ปราการ จากนั้นจึงส่งต่อไปยัง จ.นครศรีธรรมราช ส่วนยาที่จะถูกส่งมายังกรุงเทพฯและปริมณฑลนั้นจะถูกนำมาพักไว้ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา



+++ศาลหัวหิน นัดสืบพยานต่อเนื่องคดีข่มขืนฆ่า ด.ญ.วัย 13 ปี โยนร่างลงจากรถไฟ หลังจากเมื่อวานนี้ โจทก์ได้เบิกพยานจำนวน 6 ปาก ได้แก่ เจ้าหน้าที่และพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย 2 ปาก เจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ 2 ปาก ตำรวจจากกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี 1 ปาก และพยานที่รับซื้อโทรศัพท์มือถือจากจำเลยที่ 1 อีก 1 ปาก วันนี้ นัดสืบพยานโจทก์ต่อเนื่องอีก นัดสุดท้ายวันที่ 21 ส.ค. จากนั้นจะเป็นการนัดสืบพยานจำเลยอีก 1 นัด ในวันที่ 22 ส.ค.และขั้นตอนต่อไปจะเป็นการนัดหมายฟังผลการพิจารณาคดี ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลากว่า 1 เดือนขึ้นไป เพราะสำนวนในคดีนี้มีมากถึงกว่า 300 หน้า



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X