นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ซึ่งมีกำหนดจะเดินทางเยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า แถลงที่สำนักงานใหญ่ของนาโต ในกรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม ย้ำว่า สหรัฐฯ มีสิทธิปกป้องตนเองและชาติพันธมิตรจากภัยคุกคามเกาหลีเหนือ แต่ขอให้ใช้ความพยายามทางการทูตมากกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา อันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมาก ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะใช้มาตรการทางทหารกับเกาหลีเหนือ หลังความพยายามเจรจาทางการทูตล้มเหลว ซึ่งคำขู่ดังกล่าวสร้างความหวาดกลัวปัญหาความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐฯ และเกาหลีใต้มีกำหนดจะฝึกร่วมระหว่างกองทัพเรือ เพื่อแสดงแสนยานุภาพในทะเลญี่ปุ่นและทะเลเหลืองในสัปดาห์หน้า ซึ่งในครั้งนี้ สหรัฐฯ จะส่งเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน และเรือพิฆาตอีก 2 ลำ เข้าร่วม
นายสโตลเทนเบิร์ก ย้ำว่า นาโตไม่ได้วางแผนการคงกองกำลังใดๆ บริเวณคาบสมุทรเกาหลี แต่ก็เตือนว่า การโจมตีญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้จะนำมาซึ่งสถานการณ์อันตรายอย่างแท้จริง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดหายนะ
อย่างไรก็ดี การที่เกาหลีเหนือดำเนินการทดสอบขีปนาวุธ โดยมีพิสัยยิงไกลและมีความแม่นยำสูงขึ้นกระตุ้นให้ประเทศพันธมิตรนาโต 29 ประเทศจำเป็นต้องทบทวนระบบป้องกันขีปนาวุธ ซึ่งส่วนหนึ่งปฏิบัติการจากฐานทัพแห่งหนึ่งในโรมาเนียได้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
สำหรับวิกฤตการณ์เกาหลีเหนือจะเป็นหนึ่งในวาระสำคัญสำหรับการประชุม รมว.ต่างประเทศของสหภาพยุโรป หรือ อียู ในสัปดาห์หน้า คาดว่า ที่ประชุมจะลงมติอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือฉบับใหม่ นอกจากนี้ อียูยังวางแผนเพิ่มรายชื่อ 3 บุคคล และ 6 องค์กรไว้ในบัญชีคว่ำบาตร ทั้งยังวางแผนจะเพิ่มมาตรการทางการทูตกดดันประเทศต่างๆ ซึ่งไม่ได้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออย่างเข้มงวด
ทีมต่างประเทศ
CR:AFP