เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เผยความรู้สึกในวันครบรอบ 1ปี วันสวรรคต ในหลวงรัชกาลที่ 9

13 ตุลาคม 2560, 16:18น.


การจัดงานศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์ ในวัน ครบรอบ 1 ปี วันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยได้มีการปาฐกถา หัวข้อในหลวงแห่งแผ่นดิน โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เล่าว่า ตลอด 35 ปี ที่มีโอกาสทำงานถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในวันนี้เวลาประมาณ บ่ายโมง ห่างกันเพียงคนละปี ย้อนกลับไปในปีที่แล้ว วันนั้นรู้สึกคิดถึงพระองค์ขึ้นมาจับใจ จึงมาหาพระองค์ที่โรงพยาบาลศิริราช และได้เดินสวนกับทหารมหาดเล็ก ที่บอกกับตัวเองว่าโรงพยาบาลมีคำสั่งให้ยุติกิจกรรมทุกอย่าง เมื่อได้ยินอย่างนั้น แม้จะเตรียมตัวมาโดยตลอด ว่าวันนี้จะมาถึง แต่ก็ยังไม่ทันตั้งตัว เมื่อทราบจึงบอกกับทหารมหาดเล็กขอเข้าไปกราบลาที่พระบรมรูป เพราะสามารถทำได้เพียงเท่านีั





ดร. สุเมธ เล่าถึงความรู้สึกว่า มีเพียงความว่างเปล่าปรากฏในจิตใจ ต้องนั่งทำใจ 4-5 วัน โดยรู้สึกไม่ดีที่ไม่ได้ทำตามคำสอนที่พระองค์สอน ให้เป็นคนเข้มแข็ง พระองค์ ทรงสอนว่า คนเรานั้นจะทำงานใหญ่ให้แผ่นดินได้ ต้องเป็นเสมือนแท่งเหล็ก ที่ก่อนเป็นดาบต้องถูกเผา ถูกทุบ สุดท้ายก้อนเหล็กที่ไม่มีค่ากลายเป็นมีดดาบ เช่นเดียวกับใครไม่เคยถูกทุบ จะทำงานใหญ่ให้แผ่นดินไม่ได้ ตลอด 35 ปีเต็มที่พระองค์ท่านสอนหลายอย่าง สิ่งเหล่านั้นกลับมาเป็นภาพเตือนความจำ ในวันนั้นที่นั่งทำใจ รู้ว่าพระองค์ไม่ได้จากไปไหน พระสุรเสียงยังก้องอยู่เสมอ หลายคนตกใจเศร้าสลดที่พระองค์จากไป แต่ตัวเองจะเตือนทุกคนว่า ศาสดาทุกพระองค์ ไม่อยู่กับเราสักองค์ พระเจ้าอยู่หัวก็เช่นกัน เช่นนั้นแล้วอย่าพูดแต่ทำดีเพื่อพ่อ สิ่งที่ดีที่สุดคือลงมือทำ เพราะพระองค์ทรงทำตลอด 70 ปี ใน 1ปี มี 8 เดือนที่พระองค์ไม่อยู่ในกรุงเทพฯ ทรงเสด็จฯ ไปที่ต่างๆ เป็น 8 เดือนที่เหนื่อยยาก ทรงเสด็จฯ ในที่ที่ไม่มีใครไป



ดร.สุเมธ เล่าต่อว่า เมื่อก่อนหากพูดถึงความสุข จะนึกถึงแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่วันนี้ความสุขจะเกิดเมื่อเราทำประโยชน์ให้ผู้อื่น ตามพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ว่าทำงานกับฉัน ฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น นับตั้งแต่วันนั้น ก็เริ่มทำตามพระองค์ ที่ทรงนึกถึงคนอื่นก่อนนึกถึงตัวเองเสมอ





ดร.สุเมธ เล่าว่า เมื่อครั้งตามเสด็จฯ พระองค์ทรงงานแรกๆพระองค์ทรงเรียกมาใกล้ๆ และทรงสอน 3 สิ่ง คือ มองทุกอย่างที่พระองค์ทำ แล้วตั้งคำถามว่าทำเพื่ออะไร จดทุกอย่างที่พระองค์รับสั่ง สรุปทุกอย่างที่พระองค์คิด แม้ตัวเองจะจบการศึกษามาจากหลายสถาบัน แต่กับพระเจ้าอยู่หัว เป็นการเข้าเรียนที่ยาวนานที่สุดในชีวิต อย่างไม่จบสิ้น จนกระทั่งพระองค์ทรงหยุดสอนในวันนี้เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งก็เพียงพอที่จะช่วยเหลือตัวเองต่อไป



โดยในตอนท้ายของการ  ปาฐกถา ดร.สุเมธ  ได้เปิดเผยภาพ 2 ภาพ ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน  ภาพแรกเป็นภาพเมื่อครั้งตัวเองอายุครบ 60 ปี เป็นภาพที่นำใบมะตูมมาทัดหู และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่  9 ทรงรดน้ำให้พร้อมพระราชทานพรวันเกิด แสดงให้เห็นว่าแม้อายุเท่าไหร่ ก็จะหยุดงานไม่ได้





และอีกภาพเป็นภาพวันเกิดตัวเองเมื่ออายุครบ 72 ปี ขณะนั้นได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เพื่อถวายรายงานสถานการณ์ตามปกติและขอพระราชทานพร ขณะนั้นพระองค์ทรงมี พระวรกายที่อ่อนแอแล้ว และไม่รู้เลยว่าจะเป็นคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์มาแตะที่ไหล่ขวาซ้าย และตรัสว่า สุเมธงานยังไม่เสร็จนะ ดังนั้นอยากจะฝากคนไทยไว้ว่า ตราบใดที่ยังมีชีวิตมีเรี่ยวแรงอยู่ งานจะไม่มีวันเสร็จ ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เป็นสิ่งที่พระองค์ปรารถนา ในเวลานี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9  จะมองพวกเราจากด้านบนลงมา จะต้องทำให้พระองค์เห็น และในทุกวันจะต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าทำอะไรไปบ้าง พร้อมกับส่งต่อแผ่นดินให้ลูกหลานรุ่นต่อไป





 



ผู้สื่อข่าว: เกตุกนก ครองคุ้ม



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X