ในงาน "ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์" ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลจัดขึ้นเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ประชาชนต่างเดินทางมาร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 199 รูป เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่9 โดยมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมากยืนเรียงแถวยาวตั้งแต่หอประชุมกองทัพเรือตลอดถนนอรุณอมรินทร์จนสองฝั่งถนนวังหลังถึงอาคารอำนวยการ รพ.ศิริราช ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
จากนั้นพระสงฆ์ทั้งหมดสวดพระพุทธมนต์ที่ลานพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาะเบศรอดุลยเดชวิกรม ก่อนที่จะมีพิธีถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร นำโดยศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัย ซึ่งประชาชนทั้งหมดยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 89 วินาที ตามด้วยการกล่าวถวายความอาลัย และผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ และประชาชนวางต้นดาวเรือง พวงมาลัยดอกดาวเรือง และดอกดาวเรืองรอบพระราชานุสาวรียฯ โดยมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมากจนเต็มลานพระราชานุสาวรีย์ฯและริมอาคารโดยรอบ ก่อนเสร็จสิ้นพิธีการในช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น.
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวคำถวายอาลัยวว่า น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและร่วมถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร อย่างหาที่สุดมิได้ จวบจนวันนี้ เป็นวาระครบ 1 ปี วันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ยังคงปรากฎอยู่ในหัวใจของปวงข้าพระพุทธเจ้า นับเป็นเหตุการณ์สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของชาวไทยกว่า 70 ล้านคน เมื่อน้ำตาของคนไทยทุกคนไหลนองและใจสลายกับการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่เกินกว่าจะบรรยายความโศกเศร้าในครั้งนั้นได้ พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยนั้นมากมายเหลือคณานับ
ทุกวินาทีของพระองค์ทรงทำเพื่อพสกนิกร พระองค์ทรงปกครองด้วยทศพิธราชธรรม ด้วยน้ำพระทัยที่เมตตาและสายพระเนตรที่กว้างไกลในการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง พระราชดำรินับพันโครงการที่พระองค์ทรงวางรากฐานไว้ให้กับพสกนิกร หนทางเดียวที่จะทำให้รู้ได้ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์ และเข้าใจถึงปัญหาที่ประชาชนเผชิญอยู่ ก็คือการเสด็จพระราชดำเนินไปยังพื้นที่ที่ประชาชนอาศัยอยู่ไม่ว่าจะหนทางลำบาก ทุรกันดารเพียงใด พระองค์ก็จะเสด็จฯไปเยี่ยมประชาชนด้วยตัวพระองค์เอง การอุทิศเสียสละของพระองค์นั้นทรงเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างให้ประชาชนสามารถนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน สามารถยึดหลักพึ่งพาตนเองได้ ดังนั้น จึงไม่มีสิ่งใดทำให้พระองค์อยู่กับเราตลอดไปได้เท่ากับการน้อมนำคำสอนของพระองค์มาปฏิบัติ
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ตลอดระยะเวลา 365 วันที่ผ่านมา ประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติทั่วทุกสารทิศได้แสดงความจงรักภักดี เดินทางมาถวายความอาลัยและร่วมสักการะพระบรมศพอย่างเนืองแน่น ท่ามกลางความเศร้าโศกอาดูรในหัวใจ แต่ทว่าความสว่างไสวในพลังศรัทธาของคนไทยก็ได้จุดประกายความรัก ความสามัคคี หลอมรวมเป็นสิ่งเดียวกันที่เราจะยึดมั่นในการทำความดีเพื่อพ่อ เหนือสิ่งอื่นใด การได้เห็นน้ำใจคนไทยของการช่วยเหลือเกื้อกูลกันโดยไม่แบ่งชนชั้น ในช่วงเวลาแห่งการเศร้าโศกเสียใจเช่นนี้ เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก และนับจากนี้ไปปวงข้าพระพุทธเจ้าขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะน้อมนำแนวทางตามพระบรมราโชวาท ที่เคยพระราชทานไว้ เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวในการดำเนินชีวิต และตั้งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่การงาน เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท สืบสานพระราชปณิธานในการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมและประเทศชาติต่อไป