ศาลอาญา อ่านคำสั่งฎีกา คดีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กับพวก ซึ่งเป็นอดีต คตส. รวม 11 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 กรณีเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2550 - 21 มิ.ย. 2550 จำเลยได้รับแต่งตั้งเป็น คตส.และมีอำนาจหน้าที่ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) อาศัยอำนาจหน้าที่ บิดเบือนข้อเท็จจริง เจตนากลั่นแกล้งโจทก์ทั้งสองให้ตกเป็นจำเลยที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีซื้อขายที่ดิน 4 แปลง ย่านรัชดาภิเษก โดยบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อแกล้งให้โจทก์ทั้งสองเกิดความเสียหาย และต้องรับโทษจำคุกริบทรัพย์สิน ศาลฎีกาพิเคราะห์ข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ ที่ฟ้องว่า คดีนี้ยื่นฟ้องก่อนที่ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประกาศ คปค. จะบังคับใช้ในวันที่ 6 ก.ย. 2550 จึงไม่อาจมีการนำเอาประกาศ คปค. มาบังคับใช้ย้อนหลังได้ ศาลเห็นว่าการแก้ไขเพิ่มเติมที่ให้ คตส. มีอำนาจเหมือน ป.ป.ช.ในการฟ้องร้องดำเนินคดี เป็นเรื่องของการกำหนดเกี่ยวกับวิธีการ ดังนั้น เมื่อ พ.ร.บ.แก้ไขประกาศ คปค. มีผลบังคับใช้ได้ และคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ใช่อำนาจของศาลอาญา ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน ไม่รับฟ้อง และสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ การฟังคำสั่งวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน โจทก์ทั้งสองได้ส่งผู้แทนมาฟังคำพิพากษา ส่วนจำเลยทั้ง 11 คน ไม่ได้ส่งตัวแทนมาฟังคำพิพากษา ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นการยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเท่านั้น.