หลังการประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีคนร้ายปล้นเงินสด 196 ล้านเยน หรือ 60 ล้านบาท ของนายภัทริศ แต้รัตนชัย อายุ 34 ปี นักธุรกิจจิวเวอร์รี่ พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบคนร้ายมีมากกว่า 1 คน เชื่อว่าเป็นคนที่รู้พฤติกรรมและรู้จักเส้นทางหลบหนีเป็นอย่างดี กองพิสูจน์หลักฐาน เก็บลายนิ้วมือแฝง และ DNA รวมถึงพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ คาดว่า ผลการตรวจจะออกมาเร็วๆ นี้ และจะนำไปประกอบกับพยานหลักฐานที่ชุดสืบสวนรวบรวมไว้
พลตำรวจโทชาญเทพ เสสะเวช รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้พอจะทราบตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานขณะนี้คืบหน้าไปกว่าร้อยละ 80 คาดว่าภายในวันพรุ่งนี้ จะสามารถออกหมายจับกลุ่มคนร้ายได้
ส่วนการสอบปากคำ ได้มีการสอบตัวบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ไปแล้ว 5 ปาก ทั้งผู้เสียหายและผู้บาดเจ็บ และเตรียมเชิญคู่ค้าทางธุรกิจในต่างประเทศ มาให้ปากคำเพิ่มเติม ส่วนการสอบปากคำลูกน้องและคนใกล้ชิด รวมทั้งผู้ที่เคยทำงานกับผู้เสียหายประมาณ 10 คน พลตำรวจโทชาญเทพ ระบุว่า จะเชิญมาสอบถามข้อมูลเร็วๆ นี้
สำหรับคดีดังกล่าวจะแยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของการปล้นเงิน และการทำธุรกรรมของผู้เสียหาย ว่ามีการทำธุรกรรมถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าเมื่อปี 2559 นายภัทริศ เคยถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ดำเนินคดีในความผิดไม่สำแดงเงินสดเข้าประเทศ หรือ ดีแคลร์
พลตำรวจโทชาญเทพ ยืนยันว่า จะสามารถจับกุมกลุ่มคนร้ายได้เร็วๆ นี้ เนื่องจากคดีนี้ไม่ซับซ้อน ขณะนี้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาร่วมประชุมพร้อมกับรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและชุดสืบสวนสอบสวน ที่สน. พหลโยธินด้วย
ผู้สื่อข่าว:ปภาดา พูลสุข