ทิศทางการบริหารสำนักงานศาลยุติธรรม นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า สำนักงานศาลยุติธรรม มีแนวทางการบริหารโดยยึดหลักความรวดเร็ว ความโปร่งใส เป็นธรรม ปราศจากอคติ ตรวจสอบได้ และจะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการคดี เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมรวดเร็ว ง่ายยิ่งขึ้น เสียค่าใช้จ่ายน้อยลง โดยใช้แอพลิเคชั่น เว็บไซด์ รวมทั้งจะเพิ่มเงินเดือนและค่าตอบแทนข้าราชการสำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อให้มีขวัญ กำลังใจในการทำงาน และเหมาะสมต่อการดำรงชีวิตในสภาวะเศรษฐกิจ สังคมปัจจุบัน ขณะที่การปฏิรูปศาล รัฐบาลมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ดำเนินการอยู่แล้ว และตนก็เป็นหนึ่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเช่นเดียวกัน
ส่วนกรณีที่มีคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เผยแพร่ออกมาก่อนที่จะมีการอ่านคำพิพากษา 2 ชั่วโมง เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาพูดคุย หรือตั้งคณะกรรมการสอบ ยืนยันว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาจะปกปิดความลับได้เป็นอย่างดี และระบบการทำงาน การเก็บข้อมูล เป็นความลับดีอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอยู่ภายในห้องประชุม ไม่ได้ออกมาด้านนอก จึงเชื่อว่าเป็นการคาดเดาแนวทางจากสื่อมวลชน เนื่องจากที่ผ่านมามีหลายคดีที่สื่อสามารถคาดเดาผลการพิพากษาล่วงหน้าได้แม่นยำ รวมทั้งศาลเองก็มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนสื่อมวลชนมาตลอดเช่นกัน
นายสราวุธ ยืนยันอีกว่า ไม่ทราบว่าผู้สื่อข่าวนำข้อมูลจากที่ใด แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ข้อมูลจากศาลฯ และเป็นการกระทำที่ไม่เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลฯ
โดยเมื่อวานนี้ประธานศาลฎีกา มีคำสั่งแต่งตั้งนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลชั้นต้นประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ประจำสำนักประธานศาลฎีกา เป็นโฆษกศาลยุติธรรม และในวันนี้โฆษกศาลยุติธรรม ได้เข้าพูดคุยกับสื่อมวลชนถึงแนวทางการทำงาน ที่อาจมีบางกรณีจำเป็นเร่งด่วน เพื่อสร้างความถูกต้องกับประชาชนด้วย
---
ผสข.ปภาดา พูลสุข