นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ตัดสินใจลดเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา ลงเกินครึ่ง หลังเจ้าหน้าที่สถานทูตล้มป่วยปริศนาอย่างน้อย 21 คนในห้วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จนกว่ารัฐบาลคิวบาจะรับประกันความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในคิวบาได้ โดยสถานทูตฯ จะปรับลดบุคลากร ซึ่งไม่มีหน้าที่สำคัญ พร้อมครอบครัวที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อให้เหลือน้อยที่สุด ตลอดจนระงับบริการการลงประทับตราหนังสือเดินทางหรือวีซาโดยไม่มีกำหนด อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า สหรัฐฯ จะยังคงรักษาความสัมพันธ์กับคิวบา ซึ่งเพิ่งรื้อฟื้นสู่ระดับปกติเมื่อปี 2558 ส่วนอาการของเจ้าหน้าที่สถานทูต นายทิลเลอร์สันอธิบายว่า มีทั้งหูอื้อ เวียนศีรษะ สูญเสียการได้ยิน ทรงตัวไม่อยู่ ตาพร่ามัว ปวดหัว เมื่อยเนื้อตัว มึนงง และหลับยาก ดังนั้น สวัสดิภาพความปลอดภัยและสุขภาพของเจ้าหน้าที่สถานทูตจึงเป็นสิ่งที่น่าห่วงกังวลสำหรับสหรัฐฯ มากที่สุด
รัฐบาลคิวบา ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล้มป่วยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คิวบาเคารพข้อบังคับตามอนุสัญญาเจนีวาในการให้ความคุ้มครองนักการทูตและครอบครัวต่างชาติ แต่จะช่วยดำเนินการสืบสวนและให้ความร่วมมือในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม มองว่า การถอนเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ดำเนินการอย่างรีบเร่ง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ซึ่งเริ่มเสื่อมทรามลงอีกครั้ง นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม โดยในกรณีนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงความไม่พอใจ โดยระบุว่า คิวบาได้ทำสิ่งที่เลวร้ายกับนักการทูตสหรัฐฯ ขณะที่มีกระแสข่าวลือว่า เป็นแผนการของสายลับคิวบาที่หวังจะทำลายสัมพันธไมตรีระหว่างสหรัฐฯ กับคิวบา หรืออาจจะเป็นฝีมือของประเทศที่ 3 เช่น รัสเซีย หรือเกาหลีเหนือ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เดียวกัน
ทีมต่างประเทศ
CR:www.sbs.com.