*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.
+++นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะหารือนอกรอบกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าที่ประธาน สนช. ในวันนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมและทำความเข้าใจกรอบการทำงานของแต่ละฝ่าย หากไม่มีอะไรคลาดเคลื่อนจะกำหนดเปิดประชุม สนช. นัดที่ 2 ได้ภายในวันที่15 ส.ค.นี้
การแสดงบัญชีทรัพย์ของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1ในฐานะสนช. กล่าวว่า ทางสนช.ในส่วนของทหารหากจะให้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อสาธารณะก็ยินดี เพราะไม่มีอะไรที่ปกปิด ส่วนที่มีความเป็นห่วงการที่จะมาทำหน้าที่เป็นคณะกรรมาธิการเพิ่มแล้วจะมีเวลาเข้าประชุมหรือไม่นั้น ในส่วนของกองทัพบกทั้งหมดขณะนี้ได้มีการแบ่งงานแต่ละส่วนมอบหมายให้บุคคลที่ไม่ได้เข้ามาเป็นสนช.ช่วยทำหน้าที่รับผิดชอบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้กองทัพได้มีการคิดอยู่แล้ว
ขณะที่พล.ท.วลิต โรจนภักดี แม่ทัพภาคที่ 4ในฐานะสนช. กล่าวว่า สนช.ทุกคนพร้อมดำเนินการตามระเบียบหากมีการแจ้งมา ก็พร้อมเปิดเผยข้อมูลบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อสาธารณะ หัวหน้าคสช.ได้กำชับให้นายทหารที่ยังอยู่ในราชการแล้วที่มาเป็นสนช.ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดและทำตามระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัดด้วย
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก สมาชิกสนช. ในฐานะอดีตกรรมการป.ป.ช.กล่าวกรณี สมาชิกสนช.บางคนกังวลว่าหากต้องยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินฯอาจจะทำให้ขาดคุณสมบัติการเป็นสนช.เนื่องจากถือครองหุ้นเกินร้อยละ 5เและไม่สามารถโอนได้ทันภายในระยะเวลา30 วันนั้นยืนยันว่าไม่เกี่ยวกันเพราะการห้ามถือหุ้นเป็นในกรณีของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งครม.เท่านั้น
ส่วนการพิจารณางบประมาณ นางนรรัตน์ พิมเสนเลขาธิการวุฒิสภา กล่าวว่า ผู้ที่จะทำหน้าที่เสนอร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2558คือ หัวหน้าคสช. ที่จะทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ซึ่ง จะต้องเร่งรัดการพิจารณาเป็นพิเศษให้เสร็จก่อนวันที่30ก.ย.นี้ เพื่อให้การใช้งบประมาณรายจ่ายปี58ที่จะเริ่มในวันที่1ต.ค.57ส่วนการกำหนดวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ยังไม่มีความชัดเจน ต้องรอการโปรดเกล้าฯประธานและรองประธานสนช.ลงมาก่อน
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช.ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงอำนาจหน้าที่ของสนช.ในการพิจารณาถอดถอนนั้น เมื่อรัฐธรรมนูญถูกยกเลิก อะไรก็ตามหากเขียนกำหนดไว้ในกฎหมายคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ก็ดำเนินการไปตามกฎหมายป.ป.ช.ได้ ซึ่งเท่าที่ตรวจดูเวลานี้ การถอนถอดเพราะว่าทุจริตอยู่ในกฎหมายป.ป.ช.ก็สามารถดำเนินการได้
+++วันนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดปทุมธานี จะเข้าสอบถามข้อเท็จจริงผู้บริหารบริษัท ปลูกแปลงซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างอาคารยูคอนโด คลอง 6 จ.ปทุมธานี ที่ถล่มลงเมื่อวันที่11 ส.ค. ขณะเดียวกันเวลา 14.00 น. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) จะแถลงถึงสาเหตุอาคารยูคอนโดถล่ม ที่ วสท.
+++อาคาร ยูเพลส คอนโดมิเนียมหรูสูง 6 ชั้น ริมถนนเลียบคลองหก จ.ปทุมธานี ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างถล่มพังทับคนงาน 33 คเจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือ นายกล้าณรงค์ ปราบภัย ติดอยู่บริเวณโซนซี สภาพอิดโรยอย่างหนัก เนื่องจากติดอยู่ถึง 26 ชม. มีแผลบาดเจ็บเล็กน้อยที่ตะโพกและต้นขา ท่ามกลางการลุ้นระทึกและดีใจที่สุดของนางประทีป อรุณศรี อายุ 42 ปี มารดานายกล้าณรงค์ ที่เดินทางมาจากพัทยา จ.ชลบุรี ภาวนาทุกลมหายใจขอให้ความรักที่มีต่อลูกได้ชีวิตลูกกลับคืนสู่อ้อมกอดในวันแม่ ถือว่าปาฏิหาริย์มีจริง ขอบคุณทุกคนที่ช่วยค้นหาลูกชายจนสำเร็จ
+++พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เปิดเผยว่า ได้ออกหมายเรียกนายจิระ ขันมั่น อายุ 43 ปี ซึ่งพยานระบุว่าเป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง มาให้ปากคำตำรวจแล้ว โดยให้เวลา 7 วัน อีกทั้งได้ไปตรวจสอบที่บ้านพักแล้วยังไม่พบตัว สำหรับบริษัทที่รับเหมาก่อสร้างอาคารดังกล่าวเป็นของบริษัทปลูกแปลง การก่อสร้าง มีนายชนัยชนม์ เกิดเทศ หรือปู บุตรชายคนเล็กของนายชลอ เกิดเทศ หรืออดีต พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ ซึ่งถูกถอดยศเนื่องจากต้องคดีอุ้มฆ่าสองแม่ลูกตระกูล ศรีธนะขัณฑ์
+++ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำคณะมาตรวจพื้นที่ มีนายพงศธร สัจจชลพันธ์ ผวจ.ปทุมธานี นำผู้เกี่ยวข้องพาตรวจสอบ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่เบื้องต้น สันนิษฐานว่า อาคารถล่มมาจาก 3 สาเหตุคือ การออกแบบ วัสดุการก่อสร้าง และขั้นตอนการก่อสร้าง เนื่องจากพังทลายเป็นระนาบเดียว เหมือนตัวอาคารไม่แข็งแรงพอในการรับน้ำหนัก อีกทั้งการใช้สลิงขึงและหล่อปูนอาจไม่ได้มาตรฐาน อาจมีการเร่งรัดการก่อสร้างให้เสร็จเร็วเกินไป เวลา 14.00 น. วันที่ 13 ส.ค. สมาคมฯ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเพื่อสรุปสาเหตุรวมทั้งแถลงในรายละเอียดต่อไป ซึ่งต้องดูถึงการตรวจสอบอาคารโดยรอบด้วยว่ามีความแข็งแรงปลอดภัยหรือไม่ เพื่อให้ความมั่นใจต่อประชาชน
+++ด้านนายพงศธร กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประกาศให้พื้นที่อาคารถล่มในรัศมี 2 ตร.กม. พื้นที่ประมาณ 5 ไร่ เป็นเขตอุบัติภัย ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่เนื่องจากเสี่ยงอันตราย พร้อมให้หยุดก่อสร้างอาคารอีกหลัง ขนาด 6 ชั้นที่อยู่ใกล้กันด้วย ส่วนอาคารที่ถล่มนั้น อบต.คลองหลวง ยืนยันว่าได้ยื่นขออนุญาตแบบก่อสร้างถูกต้อง ปัญหาน่าจะเกิดจากการก่อสร้างและการควบคุมงานเป็นหน้าที่ของตำรวจในการดำเนินคดี ขั้นตอนต่อไปจะเริ่มนำเครื่องมือหนักเข้ารื้อซากอาคารทั้งหมดให้แล้วเสร็จภายใน 2 วันพร้อมนำร่างผู้เสียชีวิตที่เหลือออกมาด้วยความระมัด ระวังในการรื้อซากเพราะอาจมีผู้รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์อีกก็เป็นได้
+++เจ้าหน้าที่สำนักงานส่งเสริมบริการสุขภาพ จะเข้าแจ้งความที่ สน.ลุมพินี ให้ดำเนินคดีเจ้าของคลินิกรับทำอุ้มบุญย่านถนนวิทยุ กทม. ในความผิดตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ใน2 ข้อหา คือ ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตและปล่อยให้ผู้ประกอบวิชาชีพไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม
++++หลังพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เบื้องต้นมีความชัดเจนเฉพาะในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ สถานพยาบาลที่รับดำเนินการฉีดตัวอ่อนให้หญิงอื่นอุ้มท้องแทน โดยตำรวจคาดหวังว่าชาวญี่ปุ่นรายนี้ จะมาให้ข้อมูลและรับการพิสูจน์ตรวจดีเอ็นเอ เพื่อยืนยันความเป็นพ่อของเด็กทารกทั้งหมด ยืนยันว่ายังไม่มีการแจ้งข้อหาแต่อย่างใด
+++ส่วนของบันทึกการเดินทาง พบว่าเคยเดินทางเข้าออกใน 3 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น กัมพูชา และอินเดีย ตั้งแต่ปี 2553-2557 นายมิตสุโตกิ ชิเกตะ เดินทางเข้าออกประเทศไทยมาแล้ว 40 ครั้ง ซึ่งมี 3 ครั้งที่มีเด็กร่วมเดินทางด้วย โดยครั้งแรก ในวันที่ 9 พ.ค.2556 มีเด็กเดินทางไปด้วย 1 คน ครั้งที่ 2 ในวันที่ 25 มี.ค.2557 มีเด็กเดินทางไปด้วย 1 คน และครั้งที่ 3 คือในวันที่ 6 ก.ค.2557 มีเด็กเดินทางไปด้วยจำนวน 2 คน
+++สำหรับการเดินทางเข้าประเทศไทยในครั้งเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ปรากฏชื่อนางยาสุโกะชิเกตะ ที่คาดว่าเป็นญาติคนสนิทของนายชิเกตะ ซึ่งนางยาสุโกะ ได้เดินทางไปกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลา 15.00 น. ส่วนนายชิเกตะหลังตกเป็นข่าวก็ได้เดินทางไปยังมาเก๊า เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลา 01.00 น. ก่อนจะเข้าฮ่องกง และต่อเครื่องบินไปลงที่สนามบินคันไซ เพื่อเข้าสู่เมืองโอซากา ซึ่งทางการญี่ปุ่นยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ กับนายชิเกตะได้ เนื่องจากยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา นอกจากนี้ยังมีข้อมูลระบุว่า 1 ใน 4 ของจำนวนเด็กที่นายชิเกตะ นำออกจากประเทศไทย เดิมมีสัญชาติไทย แต่ได้รับการเปลี่ยนสัญชาติเป็นญี่ปุ่น ที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศอินเดีย และหลังจากได้หนังสือเดินทางญี่ปุ่น จึงเดินทางโดยสารการบินไทยเข้ามายังสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วต่อเครื่องของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ไปกัมพูชา
+++ด้านพล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ ผู้ช่วยผบ.ตร. กล่าวถึงทารกที่มีการแจ้งชื่อว่า นายชิเกตะเป็นพ่อ ว่า ตามเอกสารแจ้งเกิด มีทั้งหมด 15 คน พบในคอนโด 9 คน เดินทางออกไปแล้ว 4 คน คลอดที่โรงพยาบาลรามคำแหงอีก 2 คนเป็นเด็กแฝด ตรวจดีเอ็นเอแล้ว 9 คน เป็นชาย 6 หญิง 3 โดยเด็กผู้ชายได้ตรวจดีเอ็นเอส่วนวาย ที่มาจากพ่อ ส่วนเด็กผู้หญิงตรวจดีเอ็นเอส่วนเอ็กซ์ที่มาจากพ่อ พบว่ามีบิดาคนเดียวกันแต่ไม่ได้หมายความว่านายชิเดกะเป็นพ่อของเด็กทั้ง 9 คน ต้องนำดีเอ็นเอของพ่อมาเปรียบเทียบอีกครั้ง จริงๆ ไม่ควรใช้คำว่าอุ้มบุญด้วยซ้ำ ไม่มีภรรยา ไม่ทราบว่าแต่งงานหรือเปล่า อยู่ๆ ก็มาผลิตเด็ก เราก็ไม่รู้ว่าเอาเด็กไปทำอะไร จึงหน้าที่ของเราที่ต้องสืบทราบให้ได้ว่า มีเจตนาอะไรแน่ที่ต้องการเด็กเยอะขนาดนั้น