นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เกิ้ล แห่งเยอรมนี ผู้นำพรรคคริสเตียน เดโมแครต ยูเนียน(ซีดียู)เริ่มต้นการพูดคุยกับบรรดาผู้นำจากพรรคการเมืองอื่นๆเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลผสมหลังชนะการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ แม้ว่าพรรคฯของเธอจะชนะการเลือกตั้ง สามารถจะกลับมาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเป็นสมัยที่ 4 แต่ชัยชนะด้วยคะแนนเพียงร้อยละ 33 (หรือสส.246 ที่นั่งจากจำนวนสส.ทั้งหมดในรัฐสภาเยอรมนีจำนวน 709 คน) นับว่าเป็นผลงานที่แย่ที่สุดของพรรคฯในรอบ 70 ปี ส่งผลให้เธอมีอำนาจการต่อรองลดลงมาก
ก่อนหน้านี้พรรคโซเชียล เดโมแครติก หรือเอสดีพี ของนายมาร์ติน ชูลซ์ ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในชุดที่แล้วและได้คะแนนมาอยู่ในลำดับ 2 คือร้อยละ 20.5 (หรือสส.153 ที่นั่ง) แต่ถือว่าผลงานแย่ที่สุดของพรรคฯนับแต่ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประกาศว่าจะขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ส่งผลให้ขณะนี้นางแมร์เกิ้ลมีทางเลือกน้อยลง
นักข่าวซีเอ็นเอ็นวิเคราะห์ว่า คงเป็นไปไม่ได้ที่นางแมร์เกิ้ลจะทาบทามพรรคเอเอฟดี เข้าร่วมรัฐบาล ดังนั้นหนึ่งในทางเลือกมีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ รัฐบาลผสมที่ประกอบด้วย 3 พรรคคือพรรคซีดียู(ร้อยละ 33) พรรคเอฟดีพี(ร้อยละ 10.7)และพรรคกรีนส์ (ร้อยละ 8.9) หากไม่สามารถจัดตั้งพรรคร่วม 3 พรรค นางแมร์เกิ้ลอาจจะจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยร่วมกับซีดียู แต่เสี่ยงต่อการล้มครืนหรือการยุบสภาในที่สุด ถ้าหากไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายสำคัญๆให้ผ่านสภา แต่ขณะนี้ดูเหมือนว่านางแมร์เกิ้ลจะยังไม่ลดละความพยายามที่จะดึงพรรคเอสพีดี พรรคพันธมิตร ให้เปลี่ยนใจและกลับมาร่วมจัดตั้งรัฐบาลผสมเพื่อบริหารประเทศอีกครั้ง เธอกล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่ของพรรคฯในกรุงเบอร์ลินเมื่อวานนี้ว่าเธอได้ทราบแล้วกรณีพรรคเอสพีดีประกาศว่าจะขอทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่เวลานี้ประเทศต้องการรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เพื่อบริหารประเทศต่อไปอีก 4 ปี