การเตรียมไปหารือกับนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในช่วงวันที่ 2-4 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการเดินทางไปเยือนตามคำเชิญของนายโดนัล ทรัมป์ ซึ่งจะหารือกันในวันที่ 3 ต.ค. โดยการเยือนครั้งในฐานะไทยเป็นมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯในอาเซียน ซึ่งมีความสัมพันธ์ด้านการทูตมากว่า 184 ปี
โดยขออย่ามองว่าการเยือนสหรัฐครั้งนี้เป็นการเลือกข้างหรือไม่เลือกข้าง เนื่องจากตนเองพร้อมพบปะทุกคนและทุกประเทศ โดยดำเนินนโยบายยด้านต่างประเทศอย่างสมดุลไม่ว่าจะเป็นประเทศมหาอำนาจ ประเทศใหญ่หรือประเทศเล็กๆก็ตาม ส่วนเรื่องความขัดแย้งในโลกย้ำว่าเป็นตามมติของสหประชาชาติ อย่างไรก็ตามในการเยือนสหรัฐฯในครั้งนี้ จะมีการหารือทวิภาคีร่วมกันในทุกด้าน ทั้งด้านความมั่นคง การค้าและการลงทุน อีกทั้งการแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับประเด็นในภูมิภาค และความสัมพันธ์ของทั้งสองภูมิภาค จึงขอให้มั่นใจในการไปเยือนต่างประเทศว่าได้มีการเตรียมข้อมูลอย่างถี่ถ้วน
ส่วนการตรวจสอบโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบในหลายประเด็น ทั้งความพร้อมของแต่ละพื้นที่และการใช้จ่ายงบประมาณ ที่รัฐบาลนี้มีความแตกต่าง โดยมีการจัดกลุ่มและกำหนดความต้องการไว้ 8 กลุ่มให้ประชาชนสมัครใจเข้ามาร่วม ซึ่งบางคนอาจไม่เข้าหลักเกณฑ์ และจะต้องดูความพร้อมของหน่วยราชการด้วย ว่าหากไม่พร้อมแล้วมีการแก้ปัญหาอย่างไร ถูกต้องหรือไม่ ส่วนตัวไม่เชื่อว่า การเจตนาจะทุจริตเพราะเป็นโครงการที่ทำเพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใครกล้าโกงก็ต้องลงโทษสถานหนัก ซึ่งตนเองได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอบสวนต่อไป
สำหรับกระแสข่าวการเรียกรับเงินเพื่อลัดคิวในการตรวจสัญชาติของเเรงงานต่างด้าว ผ่านนายหน้าคนไทยโดยร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทางการเมียนมา นายกรัฐมนตรีว่า ได้รับทราบรายงานดังกล่าวแล้ว และสั่งให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้ว และจะต้องหาข้อสรุปและคนผิดมาลงโทษให้ได้
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงจดหมายอำลาของ นายจเร พันธุ์เปรื่อง อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่เขียนจดหมายตัดพ้อว่าถูก ม.44 ดองงาน เพราะถูกคนในสภากล่าวหาว่าโกง แต่สุดท้ายผลสอบสวนไม่พบผิดทำให้จบชีวิตข้าราชการไม่สวย ว่าส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจ และได้ส่งเรื่องให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตรวจสอบสอบแล้ว รวมไปถึง กรณีที่มีการระบุว่าข้าราชการที่ดีในสภา ส่วนใหญ่ไปไม่รอด เพราะมีคนโกงคอยให้ร้ายด้วย
ส่วนการจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ว่า ขณะนี้ส่งมาถึงคณะรัฐมนตรีแล้ว และกำลังดำเนินการส่งกลับไปยังวิปสามฝ่าย ว่าควรจะตีความอย่างไรต่อไปหรือจะมีความแย้งหรือไม่ สำหรับ การประชุม คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ นัดแรกในวันนี้ จะเป็นการวางกรอบการทำงานและตั้งคณะย่อย ด้านต่าง ๆ โดยยืนยันว่าส่วนตัวไม่หนักใจในการทำงาน เพราะเรื่องดังกล่าวได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นทำตัวร่างให้สมบูรณ์ต่อไป
ส่วนกรณีธนาคารแห่งประเทศไทยคุมเข้ม ธนาคารพาณิชย์ 5 แห่งเนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะประสบปัญหาทางการเงินนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า สถานการณ์ทางการเงินของธนาคารทั้ง 5 แห่งมีเงินสำรองมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด แต่ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์สากล จึงขออย่าวิตกกังวล เพราะธนาคารดังกล่าวมีความเข้มแข็งตั้งแต่ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง