การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล5 หลังพบว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีเทา ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ฌข5323 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถที่ใช้พานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหลบหนีไปทางจังหวัดสระแก้ว เพื่อไม่เข้าฟังคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าว ก่อนที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารถคันดังกล่าวจะถูกนำมาส่งมอบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และถูกอายัดไว้ตรวจสอบ
ล่าสุดมีการเปลี่ยนชุดคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โดยพลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มีคำสั่ง ที่302/2560 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ตามที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลพิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีดังกล่าวได้ปรากฏเป็นข่าวในสื่อสารมวลชน และประชาชนให้ความสนใจ ดังนั้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ยุติถูกต้อง ครบถ้วน ตามระเบียบที่กฎหมายกำหนด อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติพ. ศ. 2547 มาตรา 84 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อสืบสวนในเรื่องดังกล่าวประกอบด้วย
พลตำรวจตรีภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นประธานกรรมการ พันตำรวจเอกมานพ น่วมลิวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ,พันตำรวจเอกวิโรจน์ เปล่งศรียศภัทร ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผู้กำกับการกลุ่มงานสอบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ,พันตำรวจโท ภูริส จินตรานันท์รองผู้กำกับการ กองกำกับการสืบสวนสอบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 และพันตำรวจตรีอรุณ เลิศศักดิ์เกษตร สารวัตรสอบสวน ส.น.วัดพระยาไกร เป็นกรรมการ
ด้านพลตำรวจตรีภาณุรัตน์ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง เปิดเผยว่า พึ่งได้รับคำสั่งว่ามีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยได้รับคำสั่งให้ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการ แทน พันตำรวจเอก เกียรติพงษ์ นาลา รอง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล5 เบื้องต้นทราบว่าสาเหตุน่าจะมาจากคนที่ถูกตรวจสอบเป็นตำแหน่ง รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล5 และคนที่เป็นผู้ตรวจสอบก็ดำรงตำแหน่งเดียวกัน จึงอาจจะไม่เหมาะสม ประกอบกับตนเองดูแลงานด้านความมั่นคง จึงมีข้อมูลเชิงลึกพอสมควร โดยการเปลี่ยนชุดคณะกรรมการก็ไม่ได้สร้างความหนักใจให้กับแนวทางการสอบสวน เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทั้งนี้หากตรวจสอบแล้วพบว่า มีนายตำรวจคนใดเข้ามาเกี่ยวข้องก็จะทำหนังสือถึงต้นสังกัด เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบวินัย
ส่วนรถยนต์ โตโยต้า แคมรี่ ที่ตรวจยึดได้ และปรากฏว่าสวมทะเบียน ทีมสืบสวนจะประสานข้อมูลกับสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เพื่อนำข้อเท็ขจจิงมาตรวจสอบว่า การกระทำของพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์และพวกอีก2 คนเข้าข่ายกระทำความผิดทางอาญา หรือวินัยหรือไม่ อย่างไรก็ตามในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนกรณีดังกล่าวนั้นได้เตรียมเรียกประชุมทีมงานในวันพรุ่งนี้ เวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำหรับพันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างถูกย้ายให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 อย่างไม่มีกำหนด