ประสานปปง.อายัดทรัพย์อดีตผอ.พศ./กรธ.เร่งประชุมกม.ลูก/ป๋าเกิด ได้ประกันตัววงเงิน3แสน

21 กันยายน 2560, 19:15น.


+++หลังจากที่ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ตรวจสอบพร้อมกัน 14 จุด รวม 7 จังหวัด คดีทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด นายออมสิน ชีวะพฤกษ์  รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)มีหนังสือมาถึงระบุว่าตรวจพบการทุจริตเงินทอนวัดประมาณ 30 วัด ส่วนใหญ่เป็นวัดขนาดเล็กทั่วประเทศ และเท่าที่ทราบมีผู้เกี่ยวข้องเป็นฆราวาสประมาณ  13 คน และมีพระครูในต่างจังหวัด 2 รูป ซึ่งได้แจ้งให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ดำเนินการต่อแล้ว



+++นายณรงค์เดช ชัยเนตร ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสิงห์บุรี อดีตผู้อำนวยการกองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา เข้าพบ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) หลังช่วงเช้า ตำรวจเข้าตรวจค้นที่พักในโรงแรม จ.สิงห์บุรี ของนายณรงค์เดช พบความเชื่อมโยงคดีทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด กว่า 10 ล้านบาท พล.ต.ต.กมล ยืนยันแจ้งข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์เป็นของตน ตามมาตรา 147



+++ส่วนการตรวจค้นบ้านพักนายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(อดีต ผอ.พศ.) เพื่อหาหลักฐานเชื่อมโยงคดีเงินทอนวัด พล.ต.ต.กมล กล่าวว่า จากการตรวจค้นบ้าน พบรายชื่อวัดที่ได้รับงบประมาณอุดหนุนทั่วประเทศ รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทองคำแท่งอีกกว่า 80 บาท พระเครื่องชุดเบญจภาคี เอกสารการซื้อขายหุ้น โดยจะรวบรวมทำบัญชีทรัพย์สิน ก่อนเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) พิจารณาอายัดทรัพย์สินนายพนม และผู้ที่เกี่ยวข้อง ตามขั้นตอนและดำเนินคดีตามความเชื่อมโยง ได้มีการแจ้งข้อหานายพนม ฐานปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา157 และความฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์ เป็นของตนเองตามมาตร 147



+++นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)กล่าวถึง กรณีที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการทำกฎหมายลูกทั้งหมด อาจไม่ทันกรอบเวลา 240 วัน ว่า  กรธ.ได้นัดประชุมวันหยุดสุดสัปดาห์คือวันที่ 23 -24 ก.ย.นี้เป็นพิเศษ ตั้งแต่เวลา 09.00น. เป็นต้นไป ที่รัฐสภา เนื่องจากต้องใช้เวลาให้เต็มที่ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันปละปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้ทันเวลา และถ้าหากยังมีเวลาไม่เพียงพอในการพิจารณากฎหมายลูกอีกก็อาจเป็นไปได้ที่กรธ.จะต้องประชุมถึงช่วงเวลาดึก  



+++ศาลเบิกตัวนายวัฒนา หรือตุ่ม ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกรการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) จำเลยคดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎ เพื่อสอบคำให้การคดีระเบิดอีกสำนวนที่อัยการสำนักงานคดีอาญา 5 ยื่นฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.2926/2560 ฐานพยายามฆ่าฯ และมีระเบิดไว้ในครอบครองแล้วทำให้เกิดระเบิด กรณีเมื่อปี 2550 วางระเบิดแสวงเครื่องไว้ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนินนอก เขตพระนคร กทม.ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้รับบาดเจ็บ 2 ราย  นายวัฒนา จำเลย ให้การรับสารภาพไม่ต่อสู้คดี ศาลจึงนัดสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพในวันที่ 30 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.



+++สำนวนที่ฟ้องนี้ถือเป็นคดีที่ 3 แล้วจากข้อกล่าวทั้งหมดในการวางระเบิดพื้นที่ กทม.รวม 7 สำนวน ที่อัยการยื่นฟ้องนายวัฒนา โดยคดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฎ เมื่อต้นปีนี้ นายวัฒนา จำเลยก็ให้การรับสารภาพต่อศาลอาญา ซึ่งศาลนัดสืบพยานประกอบคำรับสารภาพในวันที่16  ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.



+++ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ได้นัดฟังคำสั่งศาลฎีกาในคดีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมด้วยแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) รวม 13 คน ยื่นขออนุญาตฎีกาคดีที่ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาสั่งให้ 13 แกนนำพธม. ชดใช้เงินกว่า 522 ล้านบาทให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จากกรณีนำมวลชนปิดสนามบินในการชุมนุมเมื่อปี 2551ศาลแพ่ง ได้อ่านคำสั่งศาลฎีกา โดยศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ที่ศาลชั้นและศาลอุทธรณ์ พิจารณายกคำร้องของจำเลยนั้นชอบแล้วตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งนี้  เมื่อศาลฎีกายกคำร้องขอขยายเวลาฎีกาของจำเลยแล้ว ผลแห่งคดีจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ชดใช้เงินจำนวนดังกล่าว



+++หลังจากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้ว ปรากฏว่า ทนายความของแกนนำทั้ง 13 คน ไม่ได้ยื่นขออุทธรณ์ภายในกำหนด 30 วัน ทำให้คดีถึงที่สุด จนต้องมาทำเรื่องขอฎีกาในภายหลัง ทนายได้อ้างเหตุสุดวิสัยการปิดหมายแจ้งคดีต่อศาลแพ่งที่เป็นศาลชั้นต้นปรากฏว่า ศาลยกคำร้อง ขณะที่ศาลอุทธรณ์ก็มีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 โดยเห็นว่า ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีร่วมกันปิดสนามบินโดยชอบ



+++คดีนี้ ทอท. ได้ฟ้องให้จำเลยทั้งหมดชดใช้ค่าเสียหาย กรณีระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2551 ได้ร่วมกันนำผู้ชุมนุมบุกยึดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมือง ประท้วงขับไล่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งส่งผลให้การให้บริการต่างๆ ภายในท่าอากาศยานทั้ง 2 ต้องหยุดชะงัก โดยศาลแพ่งมีคำพิพากษาวันที่ 25 มีนาคม 2554 ให้จำเลยทั้ง 13 คน ร่วมกันชดใช้เงิน 522,160,947.31 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2551 จนกว่าจะชำระเสร็จ  โดยแกนนำทั้ง 13 คน ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย นายสุริยะใส กตะศิลา นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายอมร อมรรัตนานนท์ นายศรัณยู วงศ์กระจ่าง นายสำราญ รอดเพชร นายศิริชัย ไม้งาม นางมาลีรัตน์ แก้วก่า และ นายเทิดภูมิ ใจดี



+++นายสมเกียรติ กล่าวยอมรับกับคำพิพากษาของศาลที่ออกมา และพร้อมที่จะรับกับทุกอย่าง แต่จำนวนเงินมากถึง 522 ล้านบาทที่ต้องชดใช้ให้กับทอท.ในทางคดีเป็นเรื่องที่กรมบังคับคดี จะต้องดำเนินการกับผู้ที่ศาลพิพากษา แต่ส่วนตัวไม่มีเงินหรือทรัพย์สินจำนวนมาก ดังนั้นความเป็นไปได้คือเข้าสู่กระบวนการฟ้องล้มละลาย



+++ด้านนายพิภพ ขอปรึกษาและพูดคุยกับทนายความก่อน ส่วนแกนนำพันธมิตรฯ ที่ศาลสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย จะนัดประชุมกันเพื่อคุยรายละเอียดเกี่ยวกับคดีหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ เพราะเพิ่งทราบคำพิพากษา



+++ พ.ต.ท.ชูศักดิ์ อภัยภักดิ์ พนักงานสอบสวนศูนย์ปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์(ปคม.)ควบคุมตัว นายเกิดใหม่ รวยจริงนะ หรือ ป๋าเกิด อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจ นินิวส์ โมเดลลิ่งโคโยตี้ ย่านบางขุนนนท์ พร้อมนางพรรณวรท ควบคุม หรือ นินิว อายุ 34 ปี และ น.ส.มลฤดี อินอ่อน อายุ 27 ปี ผู้ดูแลโคโยตี้ ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาคดีสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วันตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.- 2 ต.ค.นี้ โดยต้องสอบพยาน 8 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์มือ และอื่นๆ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ เป็นที่สนใจของประชาชน และผู้ต้องหามีพฤติการณ์ข่มขู่ คุกคามผู้เสียหาย ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้



+++ต่อมาญาติของนายเกิดใหม่ และ น.ส.มลฤดี ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ทั้งสองประกันตัวไปโดยตีราคาประกันคนละ 3 แสนบาท และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ทั้งนี้ในส่วนของนางพรรณวรท หรือ นินิว  ไม่มีญาตินำหลักทรัพย์ขอประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมไปไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลางต่อไป



+++ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ผันผวนในกรอบแคบ ๆ ทั้งแดนบวก และแดนลบ จากช่วงเช้าที่ดัชนีเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาคที่แกว่งตัวบวก-ลบ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ระดับร้อยละ 1.00-1.25 รวมทั้งส่งสัญญาขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ทำให้มีแรงซื้อหนุนเข้ามาในหุ้นกลุ่มสื่อสาร พลังงาน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการส่งออกเดือนส.ค. ที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 55 เดือน ขณะที่ภาคบ่ายนั้น ดัชนีแกว่งตัวแคบ ๆ ปิดตลาดที่ 1,670.49 จุด ลดลง 0.16 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54,494.08 ล้านบาท



+++การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนีนิเคอิ ตลาดหุ้นโตเกียว เพิ่มขึ้น 37.02 จุด ปิดที่ 20,347.48 จุด



+++ดัชนีฮั่งเส่ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 17.47 จุด ปิดวันนี้ที่ 28,110.33 จุด



+++การกู้ภัยในเม็กซิโกหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.1 ในพื้นที่ภาคกลางของประเทศเมื่อวันอังคาร มีคนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 250 ศพ ตลอดทั้งวันนี้ ทีมกู้ภัยเร่งทำงานแข่งกับเวลาเพื่อทำการกู้ภัยบุคคลที่สูญหายและพยายามหาจุดเพื่อค้นหาประชาชนที่ติดใต้ซากปรักหักพัง เจ้าหน้าที่กู้ภัย ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขุดเจาะซากอาคารโรงเรียน หวั่นเกรงว่าอาคารใกล้เคียงอาจจะถล่มลงมาทับเจ้าหน้าที่กู้ภัย ขณะเดียวกัน บรรดาอาสาสมัครได้นำน้ำดื่มและอาหารมาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยกู้ภัยและหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งยังคงทำการกู้ภัยโดยไม่หยุดพัก แม้ว่าจะมีฝนตกเมื่อเช้านี้



แฟ้มภาพ 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X