รองนายกประวิตร ฟันธง ยิ่งลักษณ์ไม่มีฟังคำพิพากษาศาล 27 ก.ย.นี้ แน่นอน/แจ้งข้อหาพนม ศรศิลป์ ทุจริตเงินทอนวัด/ปชช.รับบัตรสวัดิการคนจน

21 กันยายน 2560, 12:26น.


ข่าวเที่ยงครึ่งวัน 12.30 น.



+++ความคืบหน้าการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตอนนี้การติดตามบริเวณแนวชายแดน จังหวัดสระแก้ว ยังไม่ชัดเจน ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกไปทางไหน โดยกำลังเร่งติดตามหาว่าใครเป็นคนพาหลบหนีไป และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่รู้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ใด แต่สิ่งที่ผมยืนยันได้ในตอนนี้คือ วันที่ 27 กันยายนนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาฟังคำพิพากษาของศาลแน่นอน และคงไม่ต้องเตรียมมาตราการดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เหมือนวันที่ 25 ส.ค.แต่ยอมรับว่า ต้องวางกำลังเอาไว้บ้าง เพื่อป้องกันเหตุป่วน หลังวันที่ 27 ก.ย.ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษา ก็เท่ากับมีความผิดทั้งในคดีจำนำข้าว และคดีหนีศาล อย่างไรก็ตาม การพิจารณาก็เป็นไปตามกระบวนการของศาล จากการ สอบถามไปยังประเทศที่คาดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไป แต่ยังไม่ตอบกลับมา โดยเบื้องต้นมีเพียง 3 ประเทศ คือ เมียร์ม่า กัมพูชา และสิงคโปร์ ที่ตอบกลับมา ว่า ไม่พบการเดินทางของน.ส.ยิ่งลักษณ์



+++พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปป. เปิดเผยหลังนำกำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่คณะกรรมการการฟอกเงินหรือ  ปปง. นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบ้านพักของ นายพนม ศรศิลป์ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ภายในบ้านพักย่านพุทธมณฑลสาย 4  จากการตรวจสอบบ้านพักของ นายพนม พบพระเครื่องชุดเบญจภาคี ทองคำแท่งน้ำหนักรวม 80 บาท เอกสารการซื้อขายหุ้น ซึ่งหลังจากนี้จะมีการรวมรวบทำบัญชีทรัพย์สิน ก่อนเสนอเข้าที่ประชุม ปปง. เพื่อพิจารณาอายัดทรัพย์ตามขั้นตอน และดำเนินคดีตามความเชื่อมโยง ขณะเดียวกันได้มีการแจ้งข้อหาฐานปฎิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 และความฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง ตามมาตร 147 โดยพบความผิดทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งพบว่ามีวัดที่ได้รับความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา รวม 23 วัด และพบผู้กระทำผิดรวม 19 คน ซึ่งทั้งหมดตำรวจจะแจ้งข้อหาตามพฤติการณ์ทันที



+++การรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อยในจังหวัดต่าง ๆ เริ่มจากที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นายทศพร จันทรประวัติ นายอำเภอทุ่งสง เป็นประธานในพิธีมอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้กับผู้มีรายได้น้อยในเขต อ.ทุ่งสง ตามที่มติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบในหลักการแนวทางการจัดประชารัฐสวัสดิการ ให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนที่จำเป็นในการดำรงชีพเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน และค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 



+++ส่วนที่ ธ.ก.ส.สาขายะลา นางรอยฮา วาหลง ผู้จัดการธนาคารฯ เป็นประธานในพิธีมอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ให้กับผู้มีรายได้น้อย ตามนโยบายของรัฐบาล คสช. โดนผู้มีสิทธิรับบัตรเดินทางมารอที่หน้าธนาคารฯกันตั้งแต่ช่วงเช้า โดยรายชื่อผู้ที่มีสิทธิ์ผ่านคุณสมบัติมีจำนวนมากถึง 2,000 คน และจะได้ทยอยแจกบัตรผู้มีรายได้น้อยทุก ๆ วันทำการ จนกว่าจะครบทุกรายต่อไป นางปทุมวดี เพ็ชรเดชร อายุ 63 ปี ชาวจ.ยะลา กล่าวว่า เป็นโครงการที่ดีของรัฐบาลที่ให้กับประชาชน สามารถที่จะใช้สิทธิ์ได้หลายอย่าง เช่นการใช้สิทธิในการใช้บริการรถไฟ การใช้กระแสไฟฟ้าในบ้าน จัดซื้อสินค้าธงฟ้าในราคาถูก ซึ่งเป็นลดภาระให้กับค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้ในระดับหนึ่ง ดีใจที่รัฐบาลได้เข้ามาช่วยให้มีโครงการดังกล่าวขึ้นเพื่อช่วยคนจน



+++ความคืบหน้าคดีหนุ่มนักศึกษาแพทย์วางยาฆ่าสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนเพื่อหวังเอาเงินประกัน พ.ต.ต.มงคล คุปติ์ศิริวัฒน์ สารวัตรสอบสวน สภ.โพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางพนักงานสอบสวนได้รับผลตรวจพิสูจน์ชนิดของยาจากทางศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 9 นครราชสีมาแล้ว ซึ่งมีมูลเหตุเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายการทารุณกรรมสัตว์ เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.)   สภ.โพธิ์กลาง จึงได้ออกหมายเรียกหนุ่มนักศึกษาแพทย์ ให้มารับทราบข้อกล่าวหา โดยส่งหมายเหรียกไป 2 ทาง คือ ทั้งที่บ้านเกิดของหนุ่มนักศึกษาแพทย์ ที่ อ.โชคชัย และที่ สภ.โชคชัย  แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากหนุ่มนักศึกษาแพทย์ เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกตามกฎหมายได้ให้โอกาส 7 วัน ถ้ายังไม่มารับทราบข้อกล่าวหาก็จะออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 มีระยะเวลา 7 วันเช่นกันถ้ายังไม่มีอีกก็จะต้องออกหมายจับตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป



+++สื่อต่างประเทศรายงาน เกิดเหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญ นายมิคาอิล อีลินสกี้ ชาวชาวรัสเซีย วัย 42 ปี ก่อเหตุสุดสยอง ใช้มีดตัดศีรษะหลานสาววัยเพียง 18 เดือน ทั้งที่เขาเพิ่งออกมาจากสถาบันจิตเวช หลังถูกส่งไปรักษาอาการทางจิต จากการก่อเหตุสยองฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อ 6 ปีก่อน มีผู้คนพบเห็น นายอีลินสกี้ ในสภาพสวมกางเกงขาสั้น ไม่สวมเสื้อ เดินหิ้วศีรษะเด็กหญิงไปตามท้องถนนในเมืองอัสตราคัน จนสร้างความสะเทือนขวัญเป็นอย่างยิ่ง จึงได้รีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ ซึ่งจากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะควบคุมตัว นายอีลินสกี้ ที่ถือมีดอยู่ในมือ แต่เขากลับไม่ยอมให้ตำรวจจับกุมแต่โดยดี โดยหลังจากตำรวจพยายามจับกุมนานถึง 30 นาทีแล้วแต่ไม่สำเร็จ จึงทำให้ตำรวจตัดสินใจยิงนายอีลินสกี้ และเขาได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาหลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ข่าวทั้งหมด

X