นางอองซาน ซูจี ผู้นำโดยพฤตินัยของเมียนมา กล่าวถ้อยแถลงเกี่ยวกับวิกฤติที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ หลังจากที่เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถูกวิจารณ์ว่าเพิกเฉยต่อสถานการณ์ความรุนแรงที่ทำให้ชาวโรฮิงญาจำนวนมากกว่า 400,000 คนต้องอพยพไปบังคลาเทศ โดยนางยอมรับว่าเมียนมาเพิ่งเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยจึงมีหลายเรื่องหลายประเด็นที่จะต้องจัดการแก้ไขไปตามลำดับ รัฐบาลไม่ได้ละทิ้งความรับผิดชอบ ทั้งขอประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนและความรุนแรงที่ผิดกฎหมาย ขณะที่ยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูสันติภาพอย่างมั่นคงและหลักนิติธรรมทั่วทั้งรัฐ มีความพร้อมที่จะร่วมการทำงานกับทุกฝ่ายเพื่อนำสันติภาพกลับมาสู่รัฐยะไข่ นางซูจีกล่าวด้วยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่สามารถนำไปสู่การแก้ไขหากมีแต่คำตำหนิวิจารณ์อย่างรุนแรง แต่ไม่มีความร่วมมือจากทุกฝ่าย ซึ่งหมายถึงการที่นานาชาติตำหนิที่นางไม่ได้กล่าวโทษผู้ก่อเหตุรุนแรงหรือพยายามหยุดการก่อเหตุ นางชี้แจงว่า มีข้อกล่าวหาและการแสดงความเห็นโต้แย้งเกิดขึ้นมากมาย แต่ก็จะต้องมีการทำงานเพื่อตรวจสอบข้อกล่าวหาเหล่านี้ไปตามหลักฐานที่ชัดเจนก่อนที่จะมีการดำเนินการ ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ก็เป็นหนึ่งในความซับซ้อนที่เกิดขึ้น
นางซูจีกล่าวด้วยว่า มีชาวมุสลิมอีกจำนวนมากที่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนชาวพุทธในเมียนมาได้โดยสันติ จึงขอเชิญนักการทูตและนักข่าวจากทั่วโลก ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับบุคคลเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่นางกล่าวว่า เมียนมามีการทำงานด้านสังคมสงเคราะห์เพื่อดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม และรับรู้ถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น นั้นสื่อต่างประเทศรายงานว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะชาวโรฮิงญาไม่ได้รับสิทธิ์เหล่านี้ เนื่องมาจากการที่พวกเขาอยู่ในสถานะของผู้ลี้ภัยมาตลอด
...