เอเอฟพีรายงานอ้างนายสัตยัม ปานเดย์ นักเศรษศาสตร์ระดับสูงจากบริษัทสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส และนายมาร์ค แซนดี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทมูดีส์อินเวสเตอส์เซอร์วิส สองบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศชั้นนำของโลกว่า กรณีพายุเฮอร์ริเคน 2 ลูกคือ ฮาร์วีย์และ เออร์มา พัดถล่มสหรัฐฯติดๆกันภายในเวลา 2 สัปดาห์ อาจจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ชะลอตัวลงร้อยละ 0.5 กระทบต่อธุรกิจของภาคเอกชนสหรัฐฯ ราคาพลังงานปรับตัวขึ้น การจ้างงานใหม่ชะลอตัวลง
ที่สำคัญคือทำให้เกิดความไม่ชัดเจนว่า ธนาคารกลางหรือเฟดของสหรัฐฯ ซึ่งจะประชุมนโยบาย 2 วันในวันที่ 19-20 กันยายนนี้ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้หรือไม่ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ร้อยละ 1.0-1.25 หลังการประชุมเสร็จสิ้นในวันพุธนี้ แต่นักวิเคราะห์ยังคงมีความเห็นไม่ตรงกันในประเด็นที่ว่า ผลกระทบจากพายุ 2 ลูกนี้จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯรุนแรงมากพอที่เฟดจะเลื่อนแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปไปจนถึงปีหน้าหรือไม่ หลังอัตราเงินเฟ้อขยับขึ้นร้อยละ 0.4 ในเดือนสิงหาคม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า มีแนวโน้มสูงว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเล็กน้อยในเดือนธันวาคมนี้
นักเศรษศาสตร์จากบริษัทสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส มองว่าการขยับตัวขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคเมื่อเดือนก่อนยังถือว่าปรับขึ้นไม่มากนัก และตัวเลขอัตราเงินเฟ้อโดยรวมตลอด 12 เดือนมาอยู่ที่ร้อยละ 1.9 ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายคือร้อยละ 2 จึงประเมินว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมต่อไป ตลอดการประชุมในเดือนกันยายนและเดือนธันวาคมนี้ รวมถึงคาดว่าเฟดจะแถลงเรื่องแผนลดการถือครองทรัพย์สินมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่เฟดรับซื้อไว้เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจสหรัฐฯให้เติบโตในช่วงที่ประสบวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2551