ความคืบหน้าวิกฤตการณ์ชาวโรฮิงญาในเมียนมา ซึ่งหลบหนีการสู้รบจากรัฐยะไข่ไปยังบังคลาเทศมากกว่า 400,000 คนแล้ว และมีชาวโรฮิงญาเสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,000 ราย อย่างไรก็ตามในกลุ่มผู้อพยพที่เป็นเด็กเล็กมีมากกว่าครึ่งหนึ่งที่เดินทางมาโดยไม่มีครอบครัว
สหประชาชาติประเมินว่าชาวโรฮิงญามากกว่า 1 ล้าน 1 แสนคนในเมียนมาอาจตัดสินใจอพยพออกจากเมียนมาไปยังบังกลาเทศ ขณะที่นายอันโตนิโอ กูร์เตเรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เตือน นางออง ซาน ซู จี เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในฐานะผู้นำประเทศว่าเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะยุติการสู้รบที่อาจนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ไม่มีทางแก้ไขได้ เนื่องจากปฏิบัติการทางทหารที่เกิดขึ้นนั้นเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าเมียนมายังมีระบอบประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์
โดยในวันนี้นางซู จี มีกำหนดจะแถลงผ่านโทรทัศน์เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่พลเอกมิน ออง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของเมียนมา เรียกร้องให้ชาวเมียนมาร่วมกันแสดงความชัดเจนว่าชาวโรฮิงญาเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายที่มาจากบังกลาเทศ ซึ่งในเวลาเดียวกัน นายเพทริก เมอร์ฟีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีการต่างประเทศสหรัฐ จะเดินทางไปหารือกับผู้นำรัฐบาลเมียนมา ส่วนนายกรัฐมนตรีชีค ฮาสินา ผู้นำบังกลาเทศ มีกำหนดกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ในวันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายนนี้ เพื่อขอความช่วยเหลือจากประชาคมโลก
กระทรวงการต่างประเทศบังกลาเทศ ประกาศมาตรการควบคุมการเคลื่อนไหวของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญา โดยระบุให้อยู่ภายในบริเวณที่พักซึ่งรัฐบาลบังกลาเทศจัดให้เท่านั้น และห้ามไปพักค้างแรมที่อื่น จนกว่าจะได้รับการโยกย้ายไปยังประเทศที่สามหรือเดินทางกลับไปยังเมียนมาตามเดิม รวมถึงห้ามพลเมืองบังกลาเทศให้ที่พักพิงและมอบความช่วยเหลือ นอกจากนี้ ยังเตรียมก่อสร้างค่ายพักพิงชั่วคราวเพิ่มเติม เพื่อลดความแออัดของค่ายผู้ลี้ภัยที่เมืองค็อกซ์บาซาร์
ทำเนียบประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีมูน แจอิน ได้โทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กรณีที่นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ประกาศว่าจะเร่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และแสนยานุภาพทางทหารให้เทียบเท่ากับสหรัฐฯ โดยผู้นำทั้งสองมีความเห็นพ้องกันว่า จะมีการยกระดับมาตรการกดดันเกาหลีเหนือต่อไป
ด้านทางการคูเวตประกาศให้เวลาเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือ 1 เดือน ในการออกนอกประเทศ และจะให้ลดนักการทูตเหลือ 4 คน กับจะไม่ต่อใบอนุญาตทำงานให้กับคนงานชาวเกาหลีเหนือ ซึ่งในปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2,000-2,500 คน ตลอดจน ไม่อนุมัติวีซ่าให้ชาวเกาหลีเหนือ, ระงับความสัมพันธ์ทางการค้าและเที่ยวบิน
รัฐบาลอัฟกานิสถานอยู่ระหว่างพิจารณาฝึกฝนและติดอาวุธให้กับอาสาสมัครพลเรือนจำนวน 20,000 คน เพื่อทำหน้าที่เป็นกองกำลังรักษาสันติภาพในพื้นที่ที่กองทัพอัฟกานิสถาน ยึดคืนมาจากกลุ่มตอลิบันซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1ใน3 ของประเทศ แต่แผนการนี้มีหลายฝ่ายแสดงความกังวล เพราะในอดีตสหรัฐฯและมิตรประเทศก็เคยใช้วิธีการเดียวกันนี้ แต่กองกำลังนี้กลายมาเป็นภัยคุกคามต่อพลเรือน
ด้านองค์กรสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ เตรียมพิจารณาคำร้องของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ต้องการให้นาโต้และมิตรประเทศของสหรัฐส่งกำลังทหารไปเพิ่มเติมในอัฟกานิสถาน โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ เพิ่งประกาศส่งทหารอเมริกันไปเพิ่มอีกราว 4,000 นาย
กองกำลังนานาชาติที่นำโดยสหรัฐระบุว่า กองกำลังรัสเซียทิ้งระเบิดโจมตีกลุ่มนักรบที่สหรัฐฯให้การสนับสนุน ในพื้นที่ทางตะวันออกของซีเรียส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย แต่รัสเซียปฏิเสธ
ส่วนที่ตุรกี ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัย 74 คน เป็นสมาชิกกลุ่มไอเอส โดยตำรวจหน่วยต่อต้านก่อการร้ายออกปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย 15 แห่งในนครอิสตันบูล แต่ในกลุ่มผู้ถูกจับกุมมีอยู่ 73 คนที่เป็นชาวต่างชาติ จึงส่งกลับภูมิลำเนา แต่ทางการตุรกีไม่ได้เปิดเผยสัญชาติของผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติเหล่านี้
ส่วนที่ฟิลิปปินส์มีความคืบหน้าปฏิบัติการกวาดล้างกองกำลังไอเอส ในเมืองมาราวี บนเกาะมินดาเนา ทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งดำเนินมานานเกือบ 4 เดือน เจ้าหน้าที่ทหารสามารถบุกเข้ายึดมัสยิด ซึ่งไอเอสใช้เป็นฐานหลักได้แล้ว แต่นักรบไอเอสยังหลบซ่อนอยู่ในหลายพื้นที่
พายุไต้ฝุ่นตาลิมเคลื่อนที่ขึ้นฝั่งที่เกาะคิวชู ทางภาคใต้ของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ความเร็วลม 162 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ จนต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 644 เที่ยวบิน และระงับการให้บริการรถไฟ กับพบเหตุดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน พายุนี้กำลังเคลื่อนที่ขึ้นไปทางเหนือและจะเข้าสู่กรุงโตเกียวต่อไป
โครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนเกือบ 700,000 คน ในคิวบา ซึ่งประสบภัยพิบัติจากพายุเฮอริเคนเออร์มา โดยพบว่า เฮอริเคนทำลายพื้นที่แนวชายฝั่งทั้งหมด
ปิดท้ายที่กระแสข่าวซึ่งมาแรงมากในสื่อสังคมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเริ่มจากเฟซบุ๊กแห่งหนึ่งที่ระบุว่า ไทเกอร์ วู๊ดส์ โปรกอล์ฟอเมริกันวัย 41 ปีเสียชีวิตแล้วทั้งขอให้ทุกคนร่วมกันไว้อาลัย ต่อมาตัวแทนของวู๊ดส์ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นข่าวลวงอีกครั้งหนึ่งของสื่อสังคมที่มักรายงานว่าคนดังเสียชีวิตแล้วเพื่อเรียกยอดไลค์และแชร์ พร้อมระบุว่าโปรกอล์ฟผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ และมีสุขภาพแข็งแรงดี อย่างไรก็ตาม มีเว็ปไซด์กีฬาที่สำรวจความเห็นของผู้อ่านข่าวนี้ พบว่าร้อยละ 92 ที่ไม่ได้เชื่อข่าวนี้
....