ตามที่สำนักพระราชวังออกประกาศให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2560 เนื่องจากสำนักพระราชวังจะดำเนินการจัดเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ วันนี้จึงมีประชาชนจำนวนมาก มารอสักการะพระบรมศพตั้งแต่ช่วงเช้ามืด โดยสำนักพระราชวัง เปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพชุดแรกเวลา 05.00 น.
นายโปร่ง เข็มแหลม อายุ 83 ปี ชาวอำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง เล่าว่า สักการะพระบรมศพวันนี้เป็นครั้งแรก หลังจากที่ลูกสาวชวนมาหลายครั้ง แต่ปฏิเสธที่จะมาเพราะอายุมากแล้ว กลัวจะมาเป็นภาระคนอื่น แต่ครั้งนี้ลูกสาวเหมารถตู้มา จึงตัดสินใจมาด้วย โดยคนในครอบครัวมาทั้งหมด 7 คน มาถึงสนามหลวงตั้งแต่ 05.00 น. และได้เข้าไปสักการะพระบรมศพเวลา 11.00 น. หลังจากที่เข้าไปสักการะพระบรมศพแล้วก็รู้สึกตื้นตันใจ เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้มาสักการะพระบรมศพ ทั้งกล่าวด้วยว่า เคยมาที่พระบรมมหาราชวังครั้งแรกตอนอายุ 18 ปี และก็ไม่ได้มาอีกเลยจนกระทั่งวันนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 ของชีวิต
นายโปร่ง เล่าว่า ตัวเองประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา มาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ยึดหลักคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร คือ ทำมาหากินด้วยความสุจริต ไม่คดโกงใคร ขณะเดียวกันตอนที่ทำไร่อยู่ที่อำเภอลำนารายณ์ จังหวัดลพบุรี มีโอกาสได้อ่านหนังสือ และมีประโยคหนึ่งที่ตัวเองอ่านแล้วชอบมาก จนท่องได้ถึงทุกวันนี้ คือ "ตนเตือนตนของตนให้พ้นผิด ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน อย่าแชเชือนเตือนตนให้พ้นภัย" จึงยึดหลักคำสอนมาจนถึงทุกวันนี้ แม้จะมีอาชีพทำไร่ ทำนา แต่ก็สามารถส่งลูกสาวทั้ง 4 คนเรียนจนจบและมีทำงานทำได้ทั้งหมด จึงเชื่อว่า การประกอบอาชีพสุจริตนี้ จะนำมาถึงความยั่งยืนของชีวิต
.jpg)
ขณะเดียวกันบริเวณสนามหลวง มีอาสาสมัครคอยดูแลประชาชนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นอาสากู้ชีพ พยาบาล เจ้าหน้าที่จัดระเบียบ ดูแลความเรียบร้อยต่างๆ และอาสาบริการขับรถรับ-ส่งประชาชน นายสมคิด ผาสุขกิจ อาสาบริการขับรถจักรยนต์รับ-ส่งประชาชน หน้า สน. พระราชวัง เปิดเผยว่า ตัวเองทำหน้าที่อาสาขับรถจักรยานต์บริการประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2559 จนกระทั่งปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้วที่ได้ทำหน้าที่นี้ แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่ก็ภาคภูมิใจ ที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น เนื่องจากตัวเองเห็นว่าประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพ เป็นคนต่างจังหวัด ไม่รู้ว่าจะต้องไปจุดไหน บางครอบครัวพลัดหลงกัน เราก็ช่วยเหลือให้ครอบครัวที่พลัดหลงได้เจอกัน บางคนมาสักการะพระบรมศพแล้วหิวข้าว ไม่รู้ว่าจะต้องไปซื้อตรงไหน เราก็ขับรถพาไปร้านค้า ร้านอาหาร ให้ได้ซื้อข้าว ซื้อน้ำ และรอรับกลับมาต่อแถวเข้าไปสักการะพระบรมศพ
นายสมคิด เล่าให้ฟังว่า ตัวเองเคยเจอวินจักรยานยนต์รับจ้าง ฉวยโอกาสขึ้นราคาค่าโดยสารกับประชาชนที่มาสักการะพระบรมศพ หลายคนที่มาจากต่างจังหวัดไม่รู้เรื่อง ไม่กล้าถามราคาและไม่กล้าแย้ง เรียกเก็บเท่าไหร่ก็ให้ไป ซึ่งบางคนไม่ได้มีเงินมากมายนัก เรากับเพื่อนอาสาด้วยกันก็ช่วยสอดส่องดูแล ไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้น โดยขั้นตอนการเข้ามาเป็นอาสาสมัคร ให้ไปลงทะเบียนที่เต็นท์ บก.จร. แล้วจะได้เสื้อและหมวกกันน็อค และบัตรประจำตัวผู้เป็นอาสาสมัคร ซึ่งบริเวณเสื้อที่สวมจะระบุหมายเลขประจำตัว หากพบว่าอาสาสมัครให้บริการไม่สุภาพ และเรียกเก็บค่าโดยสาร สามารถแจ้งไปที่เต็นท์ของ บก.จร. ได้เลย ทางเจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นผู้ขับรถ ซึ่งหลักการเป็นอาสาสมัครที่สนามหลวง จะต้องยึดความสุภาพ และให้บริการประชาชนอย่างเต็มที ให้สมเกียรติที่ได้มาทำหน้าที่นี้
ทั้งนี้ตัวเองประกอบอาชีพขับรถรับจ้างในช่วงเช้า เมื่อถึงเวลาประมาณ 10.00 น. จะเลิกทำงานและมาทำหน้าที่อาสาสมัครแทน เพราะช่วงเวลาที่ตัวเองทำงานคือช่วงเช้าเท่านั้น และในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนเข้ามาสักการะพระบรมศพเป็นจำนวนมาก และวันนี้มีมากกว่าทุกวันด้วย
สำหรับการดูแลและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน เจ้าหน้าที่ตั้งเต็นท์อำนวยความสะดวกเพิ่มเติม บริเวณถนนราชดำเนินใน ฝั่งศาลฎีกา ทั้งสองด้าน ส่วนประชาชนที่ตะเดินทางมารอเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ให้เตรียมน้ำดื่ม-อาหาร พกติดตัวมาด้วย เพราะภายในท้องสนามหลวงไม่ได้มีอาหารแจกจ่ายประชาชนแล้ว จะจัดไว้ให้ตรงบริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผมซึ่งเป็นจุดคัดกรองที่เดียวเท่านั้น
ทั้งนี้ สำนักพระราชวัง ได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 16 กันยายน พบว่า มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 61,003 คน รวม 318 วัน มีประชาชนเดินทางมาทั้งสิ้น 10,715,555 คน และมีประชาชนถวายเงิน เพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศล รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 790 ล้านบาท
...
ผสข.ปภาดา พูลสุข