เมียนมาไม่อนุญาตให้นายแพ็ทริค เมอร์ฟีย์ รอง ผช.รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเข้าไปในเขตหม่องดอ รัฐยะไข่ พื้นที่สำคัญในเหตุปะทะกันระหว่างชาวมุสลิมโรฮิงญากับกองกำลังทหารเมียนมา ในระหว่างการเยือนเมียนมาในวันอังคารนี้ ซึ่งนายเมอร์ฟีย์ยังมีกำหนดจะเข้าพบผู้นำรัฐบาลเมียนมาในกรุงเนปยีดอ และหารือร่วมกับนางอองซานซูจี โดยนายเมอร์ฟีย์ยังมีกำหนดจะเดินทางไปยังเมืองสิตตะเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ด้วย เพื่อเข้าพบผู้ว่าการรัฐยะไข่ ทั้งนี้ คาดว่า นายเมอร์ฟีย์จะแสดงความกังวลของสหรัฐฯ เกี่ยวกับปัญหาชนกลุ่มน้อยชาวโรฮิงญา และกดดันให้เมียนมาอนุญาตให้คณะทำงานด้านมนุษยธรรมเข้าถึงพื้นที่ขัดแย้งได้มากขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและผู้สื่อข่าวถูกจำกัดสิทธิอย่างรุนแรงในการเข้าถึงพื้นที่
ขณะที่ โฆษกรัฐบาลเมียนมา อ้างว่า เจ้าหน้าที่ห่วงกังวลในเรื่องความปลอดภัย แต่หน่วยงานจับตาความเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่า กองทัพเมียนมาและชาวพุทธในรัฐยะไข่ได้วางเพลิงเผาบ้านเรือน เพื่อขับไล่ชาวมุสลิมโรฮิงญาออกนอกพื้นที่
ด้านนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้กระตุ้นให้เมียนมายุติความรุนแรง ซึ่งเรียกว่าฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แต่เมียนมาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงปฏิบัติการเคลียร์พื้นที่ เพื่อปกป้องกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจากกองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน ซึ่งรัฐบาลเมียนมาประกาศว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย วางเพลิงและโจมตีทำร้ายพลเรือน
ทั้งนี้ องค์กรนิรโทษกรรมสากลตรวจพบเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในพื้นที่ที่มีชาวโรฮิงญาอาศัยอยู่ถึง 80 ครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. เป็นต้นมา แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ตรวจสอบความเสียหายได้ เนื่องจาก รัฐบาลเมียนมาจำกัดการเข้าถึงพื้นที่ นอกจากนี้ ยังระบุว่า มีความเป็นไปได้ว่าหมู่บ้านชาวโรฮิงญาทั้งหมดถูกไฟเผาไหม้ อย่างไรก็ดี สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR ได้ร้องขอเงินช่วยเหลือฉุกเฉินด้านมนุษยธรรมในเบื้องต้นเป็นจำนวน 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือชาวโรฮิงญาในบังกลาเทศจนถึงปลายปี
ทีมต่างประเทศ
CR:Reuters