ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.
+++พายุไต้ฝุ่น “ทกซูรี (DOKSURI)” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านอ่าวตังเกี๋ย และจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองวินห์ ประเทศเวียดนาม ในวันที่ 15 ก.ย. 60 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนแล้วเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศลาว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ในช่วงวันที่ 15-16 ก.ย. 60 ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมที่อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย
+++เหตุระเบิดในอ.ยะหา จ.ยะลา พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. แสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวของกำลังพลที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากกรณีที่คนร้ายลอบวางระเบิดและจุดชนวนระเบิด เพื่อสังหารเจ้าหน้าที่ขณะเข้าเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย และมีผู้บาดเจ็บอื่นๆ อีกรวม 27 คน โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับไปยังฝ่ายความมั่นคงและทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องให้ลงพื้นที่หาข่าว เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน และปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อติดตามไล่ล่าคนร้ายมาลงโทษโดยเร็ว พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ และสั่งการให้ต้นสังกัดช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บตามระเบียบทางราชการอย่างเต็มที่ เชื่อว่าการกระทำของคนร้ายในครั้งนี้มุ่งหวังผลสร้างสถานการณ์ก่อกวน โดยขอให้พี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนก ใช้ชีวิตตามปกติ และให้ความร่วมมือหรือแจ้งเบาะแสกับเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งร่วมกันประณามการกระทำอันเลวร้าย เพื่อกดดันไม่ให้คนร้ายก่อเหตุเช่นนี้อีก
++++การติดตามตัว อดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวว่า จากข้อมูลที่ทราบรถต้องสงสัยนำน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปทาง อ.อรัญประเทศ ได้สั่งการให้กองกำลังบูรพาติดตามเรื่องนี้ คือ1.ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพื้นที่ตามชายแดนและ2.ติดตามหาข้อมูลด้านการข่าว ซึ่งไม่มีข้อมูลยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศไปทางใด วงจรปิดจับภาพได้เพียงรถต้องสงสัยอยู่ที่ใด เรายังไม่มีพยานยืนยันว่าออกไปจุดไหน คิดว่าข้อมูลตรงกันว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ออกจากกรุงเทพไปเปลี่ยนรถเขตมีนบุรี เพื่อไปชายแดน แต่จุดที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปทางไหน ข้อมูลยังไม่ชัดเจน เชื่อว่า การหลบหนีของเขาเตรียมการไว้ล่วงหน้า คงไม่เดินออกมาให้กล้องวงจรปิดจับภาพ
+++ด้านนางมาฆวดี สุมิตรเหมาะ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ(กต.) ชี้แจงถึงกรณีที่มีการแสดงความคิดเห็นในเรื่องเพิกถอนหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า การยกเลิกพาสปอร์ตจะเป็นไปตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ23 (2) ประกอบกับข้อ21(2) เมื่อได้รับแจ้งว่าบุคคลนั้นเป็นไปผู้ได้รับโทษคดีอาญาหรือเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาที่ได้ถูกออกหมายจับไว้แล้วซึ่งศาล พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจ เห็นว่าไม่ควรออกหนังสือเดินทางให้ ดังนั้นเมื่อกต.ได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายแล้ว จะพิจารณาการยกเลิกเมื่อเข้าเงื่อนไขตามระเบียบดังกล่าว แต่กระทรวงฯยังไม่ได้รับแจ้งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอให้ยกเลิกพาสปอร์ต โดยเข้าใจว่าหน่วยงานเหล่านั้นยังสืบหาข้อเท็จจริงและติดตามตัวผู้ต้องหา อีกทั้งสถานะของคดียังไม่สิ้นสุดตามกฎหมาย
+++ขณะที่ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าคดีทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ดำเนินการสอบสวนเอาผิด นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย นายทักษิณ ชินวัตร ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอดำเนินคดีตามกฎหมายและพยานหลักฐาน ควบคู่ไปพร้อมๆ กับการดำเนินงานของในส่วนของ ปปง.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน3 อัยการผู้ร่วมสอบสวนคดีกับดีเอสไอ กล่าวว่า วันที่ 18กันยายน คณะทำงานสอบสวนดีเอสไอ ได้เรียกเจ้าหน้าที่จาก ปปง.มาสอบเพิ่มในบางประเด็นที่ไม่สมบูรณ์ เพื่อความรอบคอบของสำนวน เมื่อสอบสวนครบถ้วนแล้วจะเรียก นายพานทองแท้ กับพวก มารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป สำหรับคดีนี้มีการกำหนดกรอบเวลาต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนคดีจะขาดอายุความในเดือนมิถุนายน2561
+++การสรรหา กกต.ชุดใหม่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ระบุว่า การสรรหากกต.ชุดใหม่ หลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พรป.)ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้จะเสร็จสิ้นในวันที่ 12ธันวาคม ว่า รัฐบาลไม่ได้คิดกรอบอะไรในเรื่องนี้เพราะวิธีการสรรหาต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ที่ผ่านมาเคยสรรหาลักษณะเช่นนี้มาแล้ว ของใหม่จึงไม่ต่างจากเดิมมาก จึงไม่สามารถตอบได้ว่าเมื่อใดจะเสร็จ ขณะนี้ รัฐบาลได้ทูลเกล้าฯพรป.ไปแล้ว 3ฉบับ คือพรป.กกต.ที่ประกาศใช้ไปแล้ว,พรป.พรรคการเมืองและพรป.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งยังไม่โปรดเกล้าฯลงมา
+++นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณี นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เสนอแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติว่า ในวันเสาร์ที่ 16กันยายนนี้ มีความตั้งใจที่จะไปกราบท่านเนื่องในวันคล้ายวันเกิดท่าน ทั้งนี้ นายพิชัยเคยเสนอเกี่ยวกับการแก้ความขัดแย้งหลายครั้ง โดยให้พรรคจับมือกัน ล่าสุดดูเหมือนจะบวกทหารเข้าไปด้วย ส่วนโอกาสตั้งพรรคใหม่ต้องถามนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิกปปส.แสดงท่าทีว่าประสงค์จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังเลือกตั้ง ฉะนั้น เป็นเรื่องที่นายสุเทพจะต้องพิจารณา
+++นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.,ย้ำว่า ศาลฎีกาไม่ได้ตัดสินให้นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพพ้นผิดการสลายการชุมนุมปี2553 เพียงวินิจฉัยว่ากรณีนี้อยู่ในอำนาจศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งสามารถรับฟ้องไว้พิจารณาได้ โดยคำพิพากษาศาลฎีกาย่อมผูกพันคู่ความคือโจทก์ ได้แก่ อัยการและจำเลยรวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามคำวินิจฉัยศาลฎีกา คือสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.)และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) ซึ่งหน่วยงานดังกล่าวมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลฎีกาต่อไป โดย อสส.ต้องนำคำสั่งฟ้องเดิม ซึ่งมีคำสั่งฟ้องจำเลยทั้ง2ไว้แล้วเข้าสู่การพิจารณาของศาลฎีกาฯต่อไป