ไทยยังต้องปรับตัวอีกมา หากจะใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า

14 กันยายน 2560, 16:38น.


แนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) นายนินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้อุปสรรคของรถยนต์ EV คือ แบตเตอรี่ราคาแพง ถึงร้อยละ 40 ของราคารถยนต์, แบตเตอรี่น้ำหนักมาก, การชาร์ตไฟฟ้าต้องใช้เวลานาน, ระยะทางการวิ่งน้อย และการชาร์ตไฟที่สถานีจ่ายไฟฟ้าของประเทศไทยยังไม่ต้องเสียภาษีสรรพสามิต หากเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ EV หมด กระทรวงการคลังจะขาดรายได้จากการเก็บภาษี อีกทั้งการซื้อรถยนต์ EV หากซื้อไปใช้ประมาณ 2-3 ปี ราคารถยนต์จะตกฮวบ  ดังนั้น หากจะทำให้รถยนต์ EV ได้รับความนิยมในอนาคต จะต้องพัฒนาในเรื่องการชาร์ตไฟฟ้าให้ได้ในปริมาณมาก และใช้เวลาน้อย แบตเตอรี่มีความสามารถในการกักเก็บพลังงาน





จากการสำรวจผู้ใช้รถยนต์ EV ร้อยละ 50 ระบุว่า ราคาค่อนข้างแพง วิ่งในระยะทางที่สั้น ระยะเวลาการชาร์ตแบตนานเกินไป โตโยต้าจึงจะใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับรถขนาดเล็กที่วิ่งในระยะทางสั้นๆ เท่านั้น ส่วนรถยนต์ขนาดกลาง จะใช้ระบบไฮบริด และไฮโดรเจน ส่วนรถบรรทุกใช้ไฮโดรเจนเท่านั้น



ด้านดร. ทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ระบุว่า ขณะนี้ต้องตั้งคำถามว่าประเทศไทยจะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ EV มากแค่ไหน เนื่องจากตัวเลขจำนวนรถยนต์ EV ในประเทศไทยอยู่ในหลักสิบเท่านั้น ตอนนี้มีสถานีชาร์ตแบตมากกว่ารถยนต์ EV จึงมองว่าหากจะทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถยนต์ EV บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต้องเพิ่มปริมาณการผลิตให้มากขึ้น

ข่าวทั้งหมด

X