นางคลินตัน เสนอยุบคณะผู้เลือกตั้ง หลังทำให้พลาดตำแหน่งผู้นำสหรัฐ ทั้งๆที่ได้คะแนนป๊อบปูล่าโหวตมากกว่าทรัมป์

14 กันยายน 2560, 15:18น.


ในการให้สัมภาษณ์กับนายแอนเดอร์สัน คูเปอร์ พิธีกรของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวานนี้ นางฮิลลารี คลินตัน อดีตผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯกล่าวว่า  ถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯควรจะยุบองค์กรคณะผู้เลือกตั้งหรือ อิเล็คทอรัล คอลเลจ ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 538 คน ที่ถูกคัดเลือกมาจากระบบสัดส่วนตามจำนวนประชากรในแต่ละรัฐ เป็นผู้ทำหน้าที่เลือกประธานาธิบดีแทนประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งหมายความว่า คนที่ได้คะแนนเลือกตั้งทั่วประเทศหรือคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตมากที่สุดไม่จำเป็นต้องชนะการเลือกตั้งเสมอไป ดังเช่นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2543 นายอัล กอร์ ผู้สมัครประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตชนะคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตมากที่สุด แต่พ่ายคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้ง จึงพ่ายนายจอร์จ ดับเบิลยู บุช ในที่สุด



นางคลินตันมองว่าระบบนี้มีจุดอ่อนที่ควรจะต้องแก้ไข และชี้ว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว ครั้งนั้นนางคลินตันได้คะแนนคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตมากกว่านายทรัมป์เกือบ 3 ล้านเสียง ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอีกข้อหนึ่งที่เธอหยิบยกไปเป็นประเด็นการเขียนหนังสือบันทึกความทรงจำเล่มใหม่ชื่อ What happened ที่เพิ่งวางแผงจำหน่ายในร้านหนังสือในสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร นางคลินตันเสนอให้มีการปฏิรูประบบการเมืองใหม่โดยยุบระบบคณะผู้เลือกตั้งและใช้ระบบคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตคือให้ประชาชนเลือกตั้งประธานาธิบดีโดยตรง



นางคลินตันแสดงความไม่พอใจต่อการทำงานของนายเจมส์ โคมีย์ อดีตผอ.หน่วยเอฟบีไอ ที่ถูกนายทรัมป์ปลดออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมาว่า เร่งร้อนผิดปกติในการส่งจดหมายต่อสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมปีที่แล้ว เพื่อขอรื้อฟื้นการสอบสวนใหม่กรณีเธอใช้ระบบเสิร์ฟเวอร์อีเมลส่วนตัวติดต่องานราชการ ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งขณะนั้นเหลืออีกไม่กี่วันจะถึงวันเลือกตั้ง ระบุว่าเธอรู้ทันทีว่า วันนั้นถือเป็นอีกวันหนึ่งที่ฉุดรั้งกระแสความนิยมของเธอให้ลดฮวบลงทันที นอกจากนี้ นอกจากนี้เธอตำหนิตัวเองในหนังสือเล่มใหม่ของเธอด้วยว่าที่ผ่านมา เธอไม่เข้าใจผลดีผลเสียของระบบเลือกตั้งของสหรัฐฯอย่างถ่องแท้ และไม่เข้าใจถึงกระแสความเกลียดชังในสังคมอเมริกัน ซึ่งนายทรัมป์คือตัวละครการเมืองที่สื่อภาพลักษณ์นั้นได้อย่างชัดเจนที่สุด/14.53 น.

 

ข่าวทั้งหมด

X