+++ขั้นตอนหลังจากที่ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ประกาศในราชกิจจานุเบกษา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า วันนี้ กกต.ชุดปัจจุบันต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่ยังให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีกกต.ชุดใหม่มาทำหน้าที่ ส่วนการสรรหากกต.ชุดใหม่ จำนวน 7 คน มีที่มาจาก 2 ทางคือ 2 คนมาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นผู้คัดเลือก และอีก 5 คนมาจากคณะกรรมการสรรหา หลังจากนี้ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาจะทำหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการสรรหาและที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ให้คัดเลือกตัวแทนเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการสรรหาภายใน 20 วัน ซึ่งคณะกรรมการสรรหาและที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะต้องสรรหาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นกกต.ให้เสร็จภายใน 90 วัน หรือวันที่ 12 ธันวาคม จากนั้นคณะกรรมการสรรหาจะส่งรายชื่อกกต.ชุดใหม่ให้ประธานสนช.บรรจุวาระเข้าสู่ที่ ประชุมสนช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบภายใน 45 วัน โดยพิจารณาเป็นรายบุคคล หากไม่เห็นชอบบุคคลใด ต้องกลับไปเริ่มต้นกระบวนการสรรหาใหม่เป็นรายบุคคล
+++นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. ระบุว่า กระบวนการทั้งหมดทำให้คาดว่า เดือน ก.พ.- มี.ค. 2561 น่าจะได้กกต.ชุดใหม่ ส่วนการทำหน้าที่เต็มที่ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ 3 ปี 9 เดือน ของกกต.ชุดปัจจุบัน และจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ต่อจนกว่าจะมีกกต.ชุดใหม่ ขณะนี้เตรียมส่งต่องานให้กกต.ชุดใหม่แล้ว เพราะการเลือกตั้งครั้งใหม่อาจจะยุ่งยากซับซ้อนสำหรับกกต.ใหม่ จะได้เห็นการพัฒนาของกกต. ทั้งการพัฒนาคน พัฒนางาน โดยเฉพาะการป้องกันการทุจริต เพื่อเป็นองค์กรต้นแบบในการจัดการเลือกตั้ง ยืนยันว่า ข่าวที่ว่า กกต.ได้กำหนดวันเลือกตั้งในช่วงเดือนสิงหาคม 2561 นั้นไม่เป็นความจริง เพียงแต่เจ้าหน้าที่กำหนดตารางการทำงานเท่านั้น เพราะวันเลือกตั้งจะกำหนดได้ก็ต่อเมื่อ พ.ร.ป. 4 ฉบับ คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มา ซึ่ง ส.ว. มีผลบังคับใช้ นับจากนั้นอีก 150 วัน กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ
+++การดำเนินคดีฟอกเงินจากการทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับกลุ่มกฤษดามหานครพล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มอบหมายเจ้าหน้าที่ ปปง.ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับกลุ่มผู้เกี่ยวข้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แล้ว หลังจากที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวน มีมติให้แจ้งข้อกล่าวหานายพานทองแท้ ชินวัตร กับพวก และได้มอบข้อมูลพยานหลักฐาน การตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปยังพนักงานสอบสวนคดีพิเศษแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ในการดำเนินการตามขั้นตอน
+++กรณีการยึดอายัดทรัพย์ในคดีทุจริตรับจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ปปง.ยึดอายัดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องมาโดยตลอด จำนวนกว่า 13,000 ล้านบาทแล้ว คดีดังกล่าวมีอายุความถึง 10 ปี ปปง.ก็จะทยอยยึดอายัดไป
+++คดีระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ที่นายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62 ปี เป็นจำเลย รวม 2 คดี ในความผิดฐาน พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ทำให้เกิดระเบิด ทำให้เสียทรัพย์ พกพา อาวุธระเบิดไปในที่สาธารณะ และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ร.บ.สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ และข้อหาอื่นๆ ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยๆ รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 ปี ปรับ 975 บาท ริบของกลาง ส่วนคดีฐานพยายามฆ่าผู้อื่นศาลนัดสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพจำเลยในวันที่ 16 ต.ค.เวลา 09.00 น.
+++คดีระเบิดตู้เอทีเอ็มแบงก์กรุงเทพหน้าโลตัสกรุงเทพกรีฑา กลางดึก ชิงเอาเงินในกล่อง พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ ตั้งวอรูมคลี่คลายคดีมีชุดสืบนครบาล 4 ชุดสืบ สน.ประเวศ ชุดสืบนครบาล พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุสอบปากคำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพยานที่เห็นเหตุการณ์ ข้อมูลเบื้องต้นพบว่าคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 5 นาที รูปร่างท้วม อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ใส่หมวกกันน็อกสีขาวเต็มใบ ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะ คาดว่า คนร้ายน่าจะประสงค์ต่อทรัพย์มากกว่าเป็นการก่อความไม่สงบหรือเกี่ยวข้องกับความมั่นคง สำหรับจำนวนเงินที่คนร้ายได้ไปคือ 314,100 บาท
+++พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ รองผบก.สปพ.(191) เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. ด้านความมั่นคง เพื่อรายงานความคืบหน้าการเก็บหลักฐาน คาดว่า น่าจะเป็นระเบิดซีโฟร์แรงดันสูง น้ำหนักประมาณ 200 กรัม รัศมีการทำลายล้าง 25 เมตร คนร้ายหวังผลต่อทรัพย์มากกว่า สังเกตจากแผนประทุษกรรมคือนำระเบิดมาวางไว้บริเวณช่องรับเงินของตู้เอทีเอ็ม
+++การดูแลความเรียบร้อยก่อนถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) สัญจร 18-19 ก.ย. พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ปล่อยแถวกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และอาสาสมัครกว่า 600 นาย เน้นระดมกวาดล้างอาชญากรรมกลุ่มเป้าหมายสำคัญ 3 กลุ่ม คือ 1.จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าในความผิดทุกประเภท 2.จับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดทุกประเภท และ 3.จับกุมผู้กระทำความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน โดยแบ่งการทำงานเป็น 3 ช่วงคือ ช่วงที่ 1 ตั้งแต่วันเดียวกันนี้ไปจนถึงวันที่ 15 ก.ย.ช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 21-30 ก.ย. และช่วงที่ 3 ระหว่างวันที่ 6-15 ต.ค. นอกจากนี้ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่ใช้เป็นสถานที่ประชุม ครม.สัญจร ในวันที่ 19 ก.ย.
แฟ้มภาพ