รอยเตอร์รายงานอ้างรัฐบาลนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นและประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้ สองประเทศพันธมิตรหลักของสหรัฐฯในเอเชียว่า ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ยินดีที่ 15 ประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอสซี)ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ คว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติมเมื่อวาน มีผลคือห้ามประเทศสมาชิกยูเอ็นนำเข้าสิ่งทอจากเกาหลีเหนือและห้ามส่งออกเชื้อเพลิงไปยังเกาหลีเหนือ เพื่อเป็นการลงโทษเพิ่มเติม หลังการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 3 กันยายน นับเป็นการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือครั้งที่ 9 นับตั้งแต่เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์เมื่อปี 2549
ด้านทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่าหนทางเดียวที่จะเกาหลีเหนือให้มีการยกเลิกการโดดเดี่ยวทางการทูตและการกดดันทางเศรษฐกิจคือการยกเลิกโครงการนิวเคลียร์และยอมเข้าสู่โต๊ะเจรจาเพื่อแก้ปัญหานิวเคลียร์ โดยข้อมูลจากรัฐบาลเกาหลีใต้ระบุว่า ธุรกิจสิ่งทอ เป็นธุรกิจส่งออกขนาดใหญ่อันดับ 2 ของเกาหลีเหนือ รองจากถ่านหินและสินแร่อื่นๆซึ่งในปีที่แล้วสร้างรายได้จากการส่งออกให้กับเกาหลีเหนือรวมทั้งหมด 752 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ผ่านมาสินค้าส่งออกของเกาหลีเหนือร้อยละ 80 ส่งออกไปยังประเทศจีน
ด้านนางนิกกี ฮาร์ลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็นระบุต่อที่ประชุมยูเอ็นเอสซีว่ามาตรการนี้จะทำให้รัฐบาลเกาหลีเหนือสูญเสียรายได้ราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี หลังจากที่ประชุมยูเอ็นเอสซีลงมติรับรองมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือแล้ว ทั้งรัฐบาลญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ระบุว่า พวกเขาพร้อมจะเดินหน้ามาตรการกดดันเพิ่มเติมอีก ถ้าหากเกาหลีเหนือยังไม่ยอมล้มเลิกโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ