หลังจากตำรวจควบคุมตัวและนำ น.ส.จริยาภรณ์ หรือน้ำมนต์ บัวใหญ่ หญิงสาวที่หลอกชายหนุ่ม 13 ราย แต่งงานและเชิดเงินสินสอดหนีหายไป พร้อมทั้งสามีที่ถูกควบคุมตัว เข้าสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามเมื่อคืนนี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจสอบทรัพย์สินและยึดรถกะบะโตโยต้า วีโก้ มาตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงหรือไม่ ซึ่งการควบคุมตัวเมื่อคืนนี้เป็นการจับตามหมายจับค้างเก่าในพื้นที่ 5 จังหวัดและจากการตรวจสอบพฤติการณ์ของน.ส.จริยาภรณ์ พบว่าได้เริ่มก่อเหตุหลอกลวงผู้ชายทั้งหมด 14 คน ตั้งแต่ปี 2554 โดยใช้เฟซบุ๊คในการติดต่อเหยื่อแล้วใช้ถ้อยคำหว่านล้อม จนผู้เสียหายหลงรักยอมแต่งงาน โดยบางรายก็อ้างว่าตัวเองท้อง ทำให้ผู้เสียหายยอมตกลงแต่งงานด้วย จากนั้นจะบอกว่าแท้ง ก่อนหลบหนี ไม่สามารถติดต่อไปอีก แต่ทุกรายน.ส.จริยาภรณ์ จะชักชวนฝ่ายชายร่วมลงทุนธุรกิจสวนผลไม้
วันนี้ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ได้เดินทางมาสอบปากคำด้วยตัวเอง โดยการสอบปากน.ส.จริยาภรณ์ รับสารภาพว่า สำหรับที่บอกว่าล่อลวงผู้ชายมากมาย ประเด็นคือทำอาชีพผลไม้และไปมาหาสู่กันกันจริง แต่งงานกันจริง แต่ละรายมีระยะเวลาอยู่ด้วยกันไม่นาน ไม่มีเจตนาล่อลวงเอาทรัพย์มา ตอนคบกันนั้นก็รักกันจริง ซึ่งยอมรับผิดแต่ไม่ทราบว่ามีผู้เสียหายทั้งหมด14 ราย แต่ที่หลอกแต่งงานมีเพียง 7 รายเท่านั้นส่วนที่เหลือเป็นฉ้อโกง ทั้งนี้ น.ส.จริยาภรณ์ มีสีหน้าแดงคล้ายจะร้องไห้และไม่ขอตอบคำถามใดๆอีก เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงว่าที่ผ่านมาได้รักผู้ชายที่ตัวเองแต่งงานหรือไม่
นอกจากนี้ ตำรวจยังคุมตัวนายกิตติศักดิ์ ตันติวิวัฒกุล สามีเก่าที่แต่งงานกับนางสาวจริยาภรณ์ ตั้งแต่ปี 2558 มาสอบสวนด้วย โดยพบว่า นายกิตติศักดิ์ก็เป็นหนึ่งในผู้ชายที่นางสาวจริยาภรณ์หลอกลวงให้แต่งงาน ก่อนจะมาทำหน้าที่ในการขับรถรับส่งนางสาวจริยาภรณ์ในการก่อเหตุ และเพิ่งทราบว่ามีพฤติการณ์หลอกลวงเมื่อไม่นานมานี้ แต่ที่ยังไม่เลิกลาเนื่องจากมีคดีร่วมกันที่ จังหวัดจันทบุรี
ภายหลังการสอบปากคำเสร็จสิ้นตำรวจได้ควบคุมตัวทั้ง2ราย ไปที่สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์และพื้นที่อื่น ๆเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ด้านพล.ต.ท.ฐิติราช กล่าวถึง กรณีน.ส.สร้อยเพชร พาลีวัลย์ หลังพบมีการโอนบัญชีเงินทั้งหมดผ่านบัญชีดังกล่าว จากการตรวจสอบพบไม่เกี่ยวข้องกับ น.ส.จริยาภรณ์ โดยผู้ต้องหาได้ขโมยบัตรประชาชนของนางสาวสร้อยเพชร เมื่อ 5 - 6 ปีที่แล้ว มาเปิดบัญชีธนาคาร แต่เบื้องต้นก็ได้แจ้งข้อหากับน.ส.จริยาภรณ์ ในความผิดฉ้อโกงที่เป็นปกติธุระ เพื่อนำไปสู่มูลฐานในการยึดทรัพย์ต่อไป
ขณะเดียวกันวันนี้ที่กองบังคับการปราบปราบ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ พร้อมด้วยนายไพรัตน์ พึ่งสุข 1ในผู้เสียหาย เดินทางมาดูรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำของตัวเอง ที่ถูกยึดเป็นของกลาง ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกนางสาวจริยาภรณ์ หลอกว่าจะนำรถไปขนผลไม้ แต่เอาไปแล้ว ก็หายไปไม่สามารถติดต่อได้ โดยได้มีการแจ้งความไว้ที่สภ.เมืองระยองไว้เป็นหลักฐาน และวันนี้ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม เพื่อยืนยันการเป็นเจ้าของรถ ก่อนที่จะประสานกับสภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพื่อขอถอนรถออกจากของกลางคดี
ส่วนกรณีที่ตั้งข้อสังเกต ว่าการติดตามทรัพย์ที่เป็นสินสอดสามารถทำได้หรือไม่เพราะเป็นการให้โดยเสน่หานั้น นายสงกานต์ กล่าวว่า ตามกฎหมาย การให้โดยเสน่หา ขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นหลัก แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังเข้าข่ายฉ้อโกงเพราะมีการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่น นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายจะมีผู้เสียหายรายที่14 คนล่าสุด ที่เป็นนายทหาร ในอ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปรามปรามเพิ่มเติมอีกด้วย
ผู้สื่อข่าว:ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ