+++ความคืบหน้างานประติมากรรมประดับพระเมรุมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นายประสพสุข รัตน์ใหม่ หัวหน้ากลุ่มประติมากรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เปิดเผยว่า ดำเนินการไปแล้วกว่าร้อยละ 95 เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด ในส่วนของมหาเทพ พระพรหม และพระนารายณ์ เขียนสี และติดตั้งบนแท่นฐานเสร็จแล้ว เหลือเก็บรายละเอียด ส่วนพระอินทร์และพระศิวะ เขียนสีเสร็จแล้วเกือบ 100% เหลือเก็บรายละเอียดและติดตั้งบนแท่นฐาน ส่วนพระพิฆเนศ ปั้นเสร็จแล้ว อยู่ระหว่างการทำแม่พิมพ์ยางก่อนนำไปหล่อไฟเบอร์กลาส และเขียนสีตามขั้นตอน ครุฑยืน 6 องค์ เขียนสีเสร็จแล้ว 3 องค์ รอติดตั้งแท่นฐาน ส่วนอีก 3 องค์ อยู่ระหว่างการเขียนสี
+++ส่วนการเขียนจิตรกรรมฉากบังเพลิง นายเกียรติศักดิ์ สุวรรณพงศ์ จิตรกรชำนาญการพิเศษ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร คาดว่าในส่วนของงานเขียนจิตรกรรมฉากบังเพลิงจะเสร็จสมบูรณ์ 100% ภายในวันนี้ เมื่อขั้นตอนลงสีเสร็จหมดทุกส่วนของฉากแล้ว นำภาพไปลงบนผ้าใบแคนวาส ทำการผนึกภาพของแต่ละฉากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ลงไม้อัดไปเข้ากับริ้วไม้ของกรอบฉากบังเพลิง ก่อนนำไปติดตั้งบนพระเมรุมาศ คาดว่าจะดำเนินการในช่วงปลายเดือนนี้
+++ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เขตบางเขน มีการซักซ้อมกำลังพลฉุดชักราชรถราชยาน ที่จะเคลื่อนริ้วขบวนพระราชอิสริยยศ ประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ทั้งกำลังพลฉุดชัก และกำลังพลแบกหาม ที่จะเคลื่อนในริ้วขบวนที่ 1 - 3 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และวันที่ 21 ก.ย.จะซักซ้อมการประกอบทั้ง 3 ริ้วขบวน
+++ตั้งแต่วันที่ 1-6 กันยายน มีประชาชนมาลงทะเบียนสมัครเป็นจิตอาสาเฉพาะกิจ จำนวน 5 แสน 14,101 คน โดยจะเปิดรับสมัครถึง 30 กันยายน เวลา 08.00-16.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ กรุงเทพฯ สมัครที่อาคารรับรองสนามเสือป่า ปฏิบัติหน้าที่ ณ พระลานพระราชวังดุสิตและพื้นที่ใกล้เคียง และสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ส่วนต่างจังหวัด สมัครที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ 878 แห่ง รวมถึงในต่างประเทศ สามารถสมัครที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุล สอบถาม โทร 1510 และ 1511 ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น.นอกเวลาราชการที่หมายเลขโทร 1548
+++ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับญี่ปุ่น นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้า 11-13 ก.ย. คณะนักลงทุนญี่ปุ่น ประมาณ 600 คนจะเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้นักลงทุนสอบถามข้อมูลข้อสงสัยต่างๆ จากนายกรัฐมนตรีได้ รวมถึงสร้างความเข้าใจประเด็นต่างๆ ระหว่างกัน ส่วนวันที่ 12 กันยายน จัดสัมมนาสร้างความเชื่อมโยงทางธุรกิจ โดยฝ่ายไทยเสนอข้อมูลโอกาสความร่วมมือไทยญี่ปุ่นหัวข้อ "Symposium on Thailand 4.0 towards Connected Industries" นอกจากนี้ ยังมีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือต่างๆ ที่นำสู่กิจกรรมที่เป็นรูปธรรม ผ่านจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจไทย-ญี่ปุ่น ที่มีศักยภาพ 300 ราย กับคณะของนักธุรกิจญี่ปุ่น 5 โซน แบ่งเป็นภาคเอกชน 4 โซนได้แก่ โซน Automobiles โซน Electronics โซน Medical & Agriculture, Biotechnology, Food และโซน Service Industries และโซนภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน
+++ยังคงเป็นประเด็นตามต่อ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึงนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุเหตุผล7ข้อระบุว่า การโยกย้ายจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
(พศ.)ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและการให้ไปช่วยราชการ มิได้เป็นไปโดยความรู้เห็นหรือความสมัครใจ คัดค้านกรณีนายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกฯ ลงนามในคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบการตรวจราชการในเขตตรวจราชการที่ 8 ประกอบด้วย จ.สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
+++นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการหรือการขอตัวให้ช่วยราชการ ไม่ต้องได้รับการยินยอม แต่เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา หากต้องการให้เกิดความละมุนละม่อม อาจสอบถามว่ามีความพร้อมหรือไม่ สามารถยื่นอุทธรณ์ร้องเรียนได้ตามขั้นตอน
+++การเดินทางเยือนประเทศกัมพูชา ของพล.อ.ประยุทธ์ นำคณะเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการ เพื่อหารือทวิภาคีและประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 3 โดยมีสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และคณะรัฐมนตรีกัมพูชา ให้การต้อนรับ ก่อนเป็นสักขีพยานในการลงนามเอกสาร 2 ฉบับ ได้แก่ 1.แถลงการณ์ร่วมสำหรับการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 3 โดยเป็นการแสดงเจตนารมณ์จะขยายความร่วมมือภายใต้หุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและการพัฒนา และ 2.ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนไทย-กัมพูชา
+++นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สรุปผลการเดินทางเยือนกัมพูชาว่า ถือว่าประสบผลสำเร็จ ครอบคลุมทั้งเรื่องการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายความเชื่อมโยงในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านระบบรางที่จะมีการเชื่อมโยงระหว่างกรุงเทพฯ-พนมเปญ เป็นเป้าหมายที่คาดว่าจะให้แล้วเสร็จในปี 2563
+++ภาพนายกฯกัมพูชาสวมกอด พล.อ. ประยุทธ์ ถือเป็นภาพที่ชื่นมื่นเป็นอย่างมาก เป็นภาพที่อยากจะเห็นเกิดขึ้นกับผู้นำต่างๆ ไม่ใช่แค่ภูมิภาคนี้ และถ้าหากผู้นำของประเทศต่างๆ มีลักษณะของความสัมพันธ์ ความรู้จักมักคุ้น ความไว้วางใจ มีความเลื่อมใสต่อกัน อย่างที่เห็นระหว่างนายกฯไทยและนายกฯกัมพูชา โลกจะมีสันติสุขเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน และอยากให้ผู้นำในภูมิภาคต่างๆ ได้เห็นเป็นต้นแบบ หรือเป็นตัวอย่างของความรู้สึกที่มีต่อกัน
+++คดีภัยสังคมและการหลอกลวง หลังจากที่เมื่อค่ำวานนี้ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกตุ ผกก.1 บก.ป.นำกำลังจับกุม น.ส.จริยาภรณ์ บัวใหญ่ อายุ 32 ปี ชาว จ.เลย หรือที่เรียกกันว่า ภรณ์ หรือ น้ำมนต์ หญิงสาวที่หลอกหนุ่มๆ 13 ราย ให้มีเพศสัมพันธ์แล้วจัดฉากแต่งงาน ก่อนจะเชิดเงินทั้งค่าสินสอดและค่าชักชวนร่วมธุรกิจไปรวมหลายแสนบาท โดยจับกุมได้ที่ ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม ขณะกำลังจะหลบหนีไปพร้อมกับสามีคนล่าสุด ซึ่งถือเป็นการจับกุมตามหมายจับคดีค้างเก่าที่ผู้ต้องหาได้ฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ไว้จนถูกออกหมายจับรวม 5 หมายจับ ในพื้นที่ 5 จังหวัด ก่อนที่จะมาหลอกลวงผู้ชายไปแต่งงานเพื่อเชิดสินสอด
+++เบื้องต้นจากการสอบสวน น.ส.จริยาภรณ์ ให้การรับสารภาพว่ารู้จักกับ น.ส.สร้อยเพชร พาลีวัลย์ ผ่านเพื่อนอีกต่อหนึ่ง ก่อนที่จะขโมยบัตรประชาชนของ น.ส.สร้อยเพชร เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว มาเปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้สำหรับการโอนเงิน แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวงผู้ชายให้แต่งงานด้วย ส่วนรายละเอียด พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการสอบปากคำ และในวันนี้ เวลา 11.00 น. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะแถลงข่าวผลการจับกุมที่กองปราบปราม
+++ญาติผู้เสียหายเดินทางไปที่กองปราบ เพื่อจะรอดูหน้าผู้ต้องหา แต่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวเข้าห้องสอบปากคำ และสอบปากคำทั้งคืน มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเอกสารและยึดรถไปตรวจสอบเพื่อหาความเชื่อมโยงกับทรัพย์สินที่หลอกไปจากเจ้าบ่าว
+++เจ้าหน้าที่ติดตามคนร้ายบุกเดี่ยวจี้ชิงทรัพย์ธนาคารธนชาต สาขาบางโคล่ ถนนพระราม 3 บังคับพนักงานเคาน์เตอร์ 2 คน กวาดเงินในลิ้นชักจำนวน 257,000 บาท ใส่กระเป๋าเป้ เดินหลบหนีออกไปจากธนาคารอย่างใจเย็น โดยไม่มีใครติดตามไป เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแกะรอย พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ รองผบช.น. กล่าวว่า คนร้ายพูดกับพนักงานว่า ขอโทษผมเดือดร้อนเรื่องเงิน สำเนียงคนกรุงเทพฯ อายุประมาณ 30 ปี รูปร่างท้วม ขณะก่อเหตุ ไม่ได้ปิดบังใบหน้า ทำให้ รปภ. อายุ64 ปี ไม่ทราบว่ามีการจี้ชิงทรัพย์ คิดว่าเป็นพนักงานส่งเอกสารมาใช้บริการ และเปิดประตูให้คนร้ายออกไป ก่อนจะทราบเรื่องจากพนักงานจึงวิ่งตามออกไปแต่ก็ไม่ทัน
+++พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ระบุว่า จากการแต่งกายคล้ายพนักงานส่งเอกสารหรือแมสเซนเจอร์ จากการสอบปากคำพนักงานประจำสาขา เบื้องต้นยังไม่พบพิรุธ ส่วนคนร้ายคาดว่าเคยมาใช้บริการที่สาขานี้ เนื่องจาก รปภ.คุ้นเคยกับใบหน้าคนร้าย ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพื่อสเก็ตช์ภาพหารูปพรรณสัณฐานเทียบเคียงกับวงจรปิดที่ได้ สั่งทีมสืบสวน ดูกล้องวงจรปิดใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ คาดว่าจะพบเห็นใบหน้าที่ชัดเจนและเส้นทางรวมถึงวิธีหลบหนี เพื่อออกหมายจับ
แฟ้มภาพ