ภายหลังการประชุมร่วมคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ทั้ง 13 ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย เปิดว่า ที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบร่างระเบียบ 2 ฉบับ ประกอบด้วย ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ และระเบียบหลักเกณฑ์การยกร่างแผนการปฏิรูปและการรับฟังความคิดเห็น ซึ่งสามารถทำได้หลายแนวทางทั้งการลงพื้นที่ การเชิญส่วนราชการเข้ามาให้ข้อมูล การเปิดรับฟังความคิดเห็นบนเว็บไซต์ เพื่อให้ได้มาซึ่งความคิดเห็นจากทุกฝ่าย
ส่วนเรื่องที่จะนำมาบรรจุไว้ในแผนปฏิรูปประเทศ จะต้องมาจากสิ่งที่บัญญัติไว้ในหมวดปฏิรูปประเทศ ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 257-260 สิ่งที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)และ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ได้กำหนดไว้เป็นแนวทาง และสิ่งที่ได้จากการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
หลังจากนี้ คณะกรรมการแต่ละคณะจะสามารถยกร่างแผนการปฏิรูปประเทศและรับฟังความคิดเห็นได้ ร่างแรกจะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม เพื่อเสนอให้ที่ประชุมร่วมประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศตรวจสอบ ก่อนเสนอให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ส่งต่อให้คณะรัฐมนตรี
พร้อมกันนี้ นายวิษณุ ระบุว่า หากหน่วยงานราชการใดไม่ปฏิบัติตามแผนการปฏิรูปประเทศ เบื้องต้นจะต้องดูเจตนา หากทำไม่ได้ก็ต้องมีการตักเตือนชี้แนะ และยังไม่มีการดำเนินการก็ต้องใช้มาตรการทางการบริหาร หากเป็นการดำเนินการในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับการปฏิรูปประเทศ ก็ต้องใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวก็เชื่อว่า แค่พูดคุยกันก็น่าจะเข้าใจ
นายวิษณุ กล่าวถึงกรณีที่นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และอดีตคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูรัฐวิสาหกิจ (คนร.)ในรัฐบาลปัจจุบัน ระบุว่า ยุทธศาสตร์ชาติเปรียบเสมือนโคมไฟส่องนำทาง หรือ โซ่ตรวนล่ามประเทศ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่คิดว่านายบรรยงจะพูดเพื่อเจตนาร้าย ซึ่งเป็นการติงเพื่อสร้างสรรค์ ให้ระมัดระวังเรื่องต่างๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ให้รัฐบาลมีความระมัดระวัง ส่วนใครเห็นว่าจะเป็นโซ่ตรวนล่ามประเทศ รัฐบาลก็จะให้คีมไปด้วย เพราะยุทธศาสตร์สามารถแก้ไขได้ง่าย ซึ่งใครคิดว่ายากก็ไม่ควรเล่นการเมือง
ผู้สื่อข่าว:ปิยะธิดา เพชรดี